ปัญหาพุทธประวัติ
๑. ชมพูทวีปได้แก่ประเทศอะไรในปัจจุบัน ? (อินเดีย,เนปาล,ปากีสถาน,อัฟกานิสถาน,บังกลาเทศ, ศรีลังกา)
๒. พวกมิลักขะกับพวกอริยกะ ใครอาศัยอยู่ในชมพูทวีปมาก่อน ? (พวกมิลักขะ)
๓. ชนที่มีความเจริญทางขนบธรรมเนียม และอำนาจมาก คือ….(ชนชาวอริยกะ)
๔. ชมพูทวีปมีกี่ส่วน ? (มี ๒ ส่วน คือ มัชฌิมชนบท และปัจจันตชนบท)
๕. เมืองที่เป็นใจกลางของประเทศเรียกว่าอย่างไร ? (มัชฌิมประเทศ)
๖. ชนบท ๑๖ แคว้นในชมพูทวีป คือ…(อังคะ มคธะ กาสี โกสละ วัชชี มัลละ เจตี วังสะ กุรุ ปัญจาละ มัจฉะ สุรเสนะ อัสสกะ อวันตี คันธาระ และกัมโพชะ)
๗. ชื่อแคว้นนอกเหนือไปจาก ๑๖ แคว้น มีเท่าไร ? (มี ๕ แคว้น คือ สักกะ โกลิยะ ภัคคะ วิเทหะ อังคุตตราปะ)
๘. ผู้ปกครองแผ่นดินในครั้งนั้น ดำรงตำแหน่งเป็นอย่างไร ? (เป็นมหาราชบ้าง เป็นราชาบ้าง เป็นอธิบดีบ้าง)
๙. การปกครองในครั้งนั้นเป็นรูปแบบใด ? (ปกครองโดยอำนาจสิทธิ์ขาดบ้าง โดยสามัคคีธรรมบ้าง บางครั้งก็เป็นอิสระบ้าง บางครั้งก็ถูกเขาปกครองบ้าง)
๑๐. ทำไมคนยุคนั้นจึงมีทิฐิมาก ? (เพราะศึกษาวิชาธรรมมาก)
๑๑. พระเจ้าโอกากราชมีพระราชโอรสกี่พระองค์ ? (มี ๙ พระองค์ คือพระราชบุตร ๔ พระองค์ และพระราชธิดา ๕ พระองค์)
๑๒. พระราชโอรสและพระราชธิดาไปสร้างพระนครใหม่ที่ไหน ? (ที่ป่าไม้สักกะ)
๑๓. ป่าไม้สักกะเป็นที่อยู่ของใครมาก่อน ? (ของกบิลดาบส) ๑๔. ในแคว้นวัชชีมีกษัตริย์วงศ์ไหนปกครอง ? (กษัตริย์วงศ์เจ้าลิจฉวี)
๑๕. ในแคว้นมัลละ มีกษัตริย์วงศ์ไหนปกครอง ? (กษัตริย์วงศ์เจ้ามัลละ)
๑๖. พระเจ้าโอกากราช มีพระราชบุตร-ราชธิดา สมสู่กันเองสืบเชื้อสายสกุลลงมาเป็นพวกไหน ? (เป็นพวกศากยวงศ์)
๑๗. ที่ได้นามว่า ศากยะ หรือสักกะ เพราะสาเหตุอะไร
(มี ๒ สาเหตุ คือ ๑. น่าจะได้ตามชื่อชนบท ๒. ท่านสันนิษฐานว่า พระบิดาทรงชมเชยว่าเป็นผู้สามารถที่ตั้งเมืองใหม่ได้ ฉะนั้น จึงชื่อว่า ศากยะ หรือสักกะ)
๑๘. พระเจ้าชัยเสน มีพระราชบุตร-ราชธิดา ๒ พระองค์ คือ…(สัหนุกุมาร และพระนางยโสธรา)
๑๙. พระเจ้าสีหนุกับพระเจ้าอัญชนะ เป็นอะไรต่อกัน ? (ต่างก็ได้น้องสาวของกันและกันมาเป็นพระมเหสี)
๒๐. ใครเป็นพระราชบิดา-ราชมารดา ของพระพุทธเจ้า ? (พระเจ้าสุทโธทนะ และพระนางสิริมหามายา)
๒๑. สิทธัตถะกุมาร ประสูติที่ไหน เมื่อไร ? (ที่ใต้ร่มไม้สาละ ณ สวนลุมพินีวัน ในระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์กับกรุงเทวทหะะต่อกัน เมื่อเดือนวิสาขมาส ดิถีเพ็ญ ก่อนพุทธศก ๘๐ ปี)
๒๒. เมื่อพระกุมารประสูติ ได้มีปาฏิหาริย์อะไรบ้าง ? (มีอย่างนี้ คือ
๑) พระมารดาประทับยืน
๒) ประสูติอย่างบริสุทธิ์ไม่แปดเปื้อนมลทิน
๓) มีเทวดามารับก่อน
๔) มีธารน้ำร้อนน้ำเย็นตกลงมาจากอากาศสนานพระกาย
๕) ทรงพระดำเนินได้ ๗ ก้าว
๖) ทรงเปล่งพระวาจาเป็นบุพนิมิตแห่งโพธิญาณ๗. แผ่นดินไหว
๒๓. คติ ๒ อย่างของพระศาสดา คืออะไร ? (๑. ถ้าออกบวชจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ๒. ถ้าครองฆราวาส จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์)
๒๔. ใครที่เข้าเยี่ยมและทำนายว่ามีคติเป็น ๒ พร้อมกับกราบพระกุมารด้วย ? (อสิตดาบส)
๒๕. เจ้าชายสิทธัตถะ ศึกษาศิลปวิทยากับใคร ? (ครูวิศวามิตร)
๒๖. เจ้าชายสิทธัตถะทรงอภิเษกเมื่อเมื่ออายุเท่าไร ? (๑๖ พรรษา)
๒๗. เจ้าชายสิทธัตถะออกผนวชเมื่อพระชนม์เท่าไร ออกกับใคร ? (เมื่อ ๒๙ พรรษ กับนายฉันนะ)
๒๘. ใครที่ทำนายลักษณะของสิทธัตถะกุมารว่ามีคติอย่างเดียว คือต้องออกบวชและได้ตรัสรู้แน่ ? (โกณฑัญญะ)
๒. พวกมิลักขะกับพวกอริยกะ ใครอาศัยอยู่ในชมพูทวีปมาก่อน ? (พวกมิลักขะ)
๓. ชนที่มีความเจริญทางขนบธรรมเนียม และอำนาจมาก คือ….(ชนชาวอริยกะ)
๔. ชมพูทวีปมีกี่ส่วน ? (มี ๒ ส่วน คือ มัชฌิมชนบท และปัจจันตชนบท)
๕. เมืองที่เป็นใจกลางของประเทศเรียกว่าอย่างไร ? (มัชฌิมประเทศ)
๖. ชนบท ๑๖ แคว้นในชมพูทวีป คือ…(อังคะ มคธะ กาสี โกสละ วัชชี มัลละ เจตี วังสะ กุรุ ปัญจาละ มัจฉะ สุรเสนะ อัสสกะ อวันตี คันธาระ และกัมโพชะ)
๗. ชื่อแคว้นนอกเหนือไปจาก ๑๖ แคว้น มีเท่าไร ? (มี ๕ แคว้น คือ สักกะ โกลิยะ ภัคคะ วิเทหะ อังคุตตราปะ)
๘. ผู้ปกครองแผ่นดินในครั้งนั้น ดำรงตำแหน่งเป็นอย่างไร ? (เป็นมหาราชบ้าง เป็นราชาบ้าง เป็นอธิบดีบ้าง)
๙. การปกครองในครั้งนั้นเป็นรูปแบบใด ? (ปกครองโดยอำนาจสิทธิ์ขาดบ้าง โดยสามัคคีธรรมบ้าง บางครั้งก็เป็นอิสระบ้าง บางครั้งก็ถูกเขาปกครองบ้าง)
๑๐. ทำไมคนยุคนั้นจึงมีทิฐิมาก ? (เพราะศึกษาวิชาธรรมมาก)
๑๑. พระเจ้าโอกากราชมีพระราชโอรสกี่พระองค์ ? (มี ๙ พระองค์ คือพระราชบุตร ๔ พระองค์ และพระราชธิดา ๕ พระองค์)
๑๒. พระราชโอรสและพระราชธิดาไปสร้างพระนครใหม่ที่ไหน ? (ที่ป่าไม้สักกะ)
๑๓. ป่าไม้สักกะเป็นที่อยู่ของใครมาก่อน ? (ของกบิลดาบส) ๑๔. ในแคว้นวัชชีมีกษัตริย์วงศ์ไหนปกครอง ? (กษัตริย์วงศ์เจ้าลิจฉวี)
๑๕. ในแคว้นมัลละ มีกษัตริย์วงศ์ไหนปกครอง ? (กษัตริย์วงศ์เจ้ามัลละ)
๑๖. พระเจ้าโอกากราช มีพระราชบุตร-ราชธิดา สมสู่กันเองสืบเชื้อสายสกุลลงมาเป็นพวกไหน ? (เป็นพวกศากยวงศ์)
๑๗. ที่ได้นามว่า ศากยะ หรือสักกะ เพราะสาเหตุอะไร
(มี ๒ สาเหตุ คือ ๑. น่าจะได้ตามชื่อชนบท ๒. ท่านสันนิษฐานว่า พระบิดาทรงชมเชยว่าเป็นผู้สามารถที่ตั้งเมืองใหม่ได้ ฉะนั้น จึงชื่อว่า ศากยะ หรือสักกะ)
๑๘. พระเจ้าชัยเสน มีพระราชบุตร-ราชธิดา ๒ พระองค์ คือ…(สัหนุกุมาร และพระนางยโสธรา)
๑๙. พระเจ้าสีหนุกับพระเจ้าอัญชนะ เป็นอะไรต่อกัน ? (ต่างก็ได้น้องสาวของกันและกันมาเป็นพระมเหสี)
๒๐. ใครเป็นพระราชบิดา-ราชมารดา ของพระพุทธเจ้า ? (พระเจ้าสุทโธทนะ และพระนางสิริมหามายา)
๒๑. สิทธัตถะกุมาร ประสูติที่ไหน เมื่อไร ? (ที่ใต้ร่มไม้สาละ ณ สวนลุมพินีวัน ในระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์กับกรุงเทวทหะะต่อกัน เมื่อเดือนวิสาขมาส ดิถีเพ็ญ ก่อนพุทธศก ๘๐ ปี)
๒๒. เมื่อพระกุมารประสูติ ได้มีปาฏิหาริย์อะไรบ้าง ? (มีอย่างนี้ คือ
๑) พระมารดาประทับยืน
๒) ประสูติอย่างบริสุทธิ์ไม่แปดเปื้อนมลทิน
๓) มีเทวดามารับก่อน
๔) มีธารน้ำร้อนน้ำเย็นตกลงมาจากอากาศสนานพระกาย
๕) ทรงพระดำเนินได้ ๗ ก้าว
๖) ทรงเปล่งพระวาจาเป็นบุพนิมิตแห่งโพธิญาณ๗. แผ่นดินไหว
๒๓. คติ ๒ อย่างของพระศาสดา คืออะไร ? (๑. ถ้าออกบวชจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ๒. ถ้าครองฆราวาส จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์)
๒๔. ใครที่เข้าเยี่ยมและทำนายว่ามีคติเป็น ๒ พร้อมกับกราบพระกุมารด้วย ? (อสิตดาบส)
๒๕. เจ้าชายสิทธัตถะ ศึกษาศิลปวิทยากับใคร ? (ครูวิศวามิตร)
๒๖. เจ้าชายสิทธัตถะทรงอภิเษกเมื่อเมื่ออายุเท่าไร ? (๑๖ พรรษา)
๒๗. เจ้าชายสิทธัตถะออกผนวชเมื่อพระชนม์เท่าไร ออกกับใคร ? (เมื่อ ๒๙ พรรษ กับนายฉันนะ)
๒๘. ใครที่ทำนายลักษณะของสิทธัตถะกุมารว่ามีคติอย่างเดียว คือต้องออกบวชและได้ตรัสรู้แน่ ? (โกณฑัญญะ)
๒๙. พระเจ้าสุทโธทนะทรงไหว้พระโอรสกี่ครั้ง ตรงไหนบ้าง
(๓ ครั้ง คือ ๑)ตอนอสิตดาบสกราบพระกุมารและทำนายลักษณะ ๒)ตอนพระกุมารนั่งสมาธิใต้ร่มชมพูพฤกษ์ และ ๓)ตอนที่พระพุทธเจ้าแสดงปาฏิหาริย์ ทรมานพวกญาติ)
๓๐. พระบิดาให้สร้างปราสาท ๓ ฤดู ให้พระกุมารเพื่อประโยชน์อะไร ? (เพื่อจะผูกพระกุมารให้อยู่ในราชสมบัติ)
๓๑. เทวทูต ๔ คืออะไร ? (คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และบรรพชิต)
๓๒. เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกบรรพชาในเวลาไหน ? ไปด้วยอะไร กับใคร ? (เวลากลางคืน ทรงม้ากัณฐกะออกไป พร้อมด้วยนายฉันนะเป็นคนติดตาม)
๓๓. พระองค์ทรงอธิษฐานเพศเป็นบรรพชิต ณ ที่ไหน ? (ที่ฝั่งแม่น้ำอโนมา)
๓๔. พระองค์คิดอย่างไรจึงพอพระทัยในบรรพชา ? (เห็นว่า ฆราวาสคับแคบ เป็นที่ตั้งแห่งอารมณ์เศร้าหมองได้ง่าย)
๓๕. พระองค์ตัดพระเกสาให้ยาวเท่าไร ? (ยาว ๒ นิ้ว)
๓๖. การเสด็จออกบรรพชา พระอรรถกถาจารย์แสดงไว้กี่นัย ? (๒ นัย คือ เสด็จออกในเวลากลางคืน และทรงผนวชต่อหน้าพระราชบิดาและมารดา ซึ่งกำลังเศร้าโศกอยู่) ๓๗. ผ้าที่เขาย้อมด้วยเปลือกไม้บ้าง แก่นไม้บ้างแล้วแต่จะ
หาได้ มีสีหม่นๆ คือผ้าอะไร? (ผ้ากาสายะหรือผ้ากาสาวะ)
๓๘. ไตรจีวร มีอะไรบ้าง ? (มี ๑. ผ้าสังฆาฏิ ๒. ผ้าอุตตราสงฆ์ ๓. ผ้าอันตรวาสก)
๓๙. เจ้าชายสิทธัตถะ ออกบวชเมื่ออายุเท่าไร ? (๒๙ พรรษา)
๔๐. เจ้าชายสิทธัตถะออกบวชแล้ว แสวงหาโมกขธรรมอยู่กี่ปี จึงได้ตรัสรู้ ? (๖ ปี)
๔๑. ใครเป็นผู้ทูลว่าถ้าตรัสสรู้แล้วขอให้เสด็จมาเทศนาโปรด? (พระเจ้าพิมพิสาร)
๔๒. พระองค์ได้อะไรจากสำนักของอาฬารดาบสและอุทกดาบส ?(ได้สมาบัติ ๗ ในสำนักอาฬารดาบส และได้สมาบัติ ๘ ในสำนักของอุทกดาบส)
๔๓. อาฬารดาบสและอุทกดาบส สรรเสริญพระองค์ว่าอย่างไร ? (ว่ามีความรู้เสมอด้วยตนและเชิญให้อยู่สอนศิษย์ด้วยกัน)
๔๔. ทำทุกกรกิริยาวาระแรก ทำอย่างไร ? (กัดฟันด้วยฟัน เอาลิ้นกดเพดาลไว้แน่น จนเหงื่อไหลออกจากรักแร้)
๔๕. ทุกกรกิริยาวาระที่สองทำอย่างไร ? (ทรงผ่อนกลั้นลมหายใจเข้าออก เมื่อลมเดินไม่สะดวกทางช่องจมูกและปาก ก็เกิดเสียงดังอู้ทางหูทั้งสองทำให้ปวดศีรษะ จุกเสียดในท้อง ร้อนกายอย่างแรง)
๔๖. ทุกกรกิริยาวาระที่สามทำอย่างไร ? (ทรงอดอาหารเสวยแต่วันละน้อยๆ และอาหารละเอียดจนร่างกายซูบผอมผิวพรรณเศร้าหมองจนกระดูกปรากฏทั่วกาย มื่อลูตัวขนก็หลุดร่วงไปด้วย)
๔๗. ปัญจวัคคีย์บรรพชิต ๕ รูป คือใครบ้าง ? (โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และอัสสชิ)
๔๘. พวกปัญจวัคคีย์หนีจากพระพุทูเจ้าแล้วไปยู่ที่ใด ? (ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณส)
๔๙. พระพุทธเจ้าทำทุกกรกิริยานั้น ทำอย่างไร ? (ทำอัตตกิลมถานุโยค)
๕๐. ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม แขวงเมืองพาราณสี ปัจจุบันเรียกว่าอะไร ? (พุทธคยา)
๕๑. การตั้งพระทัยว่า ”แม้เลือดและเนื้อในกายของเราจะเหือดแห้งไปเหลือแต่หนังเอ็นกระดูกก็ตามเถิด ถ้าไม่บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณแล้วจะไม่ลุกขึ้น” เรียกว่า ปณิธานอะไร
(จตุรงคมหาปธาน)
๕๒. พระพุทธเจ้าตรัสรู้ในวันไหน ?(คืนวันพุธ ขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๖ ปีระกา ก่อนพุทธศักราช ๔๕ ปี)
๕๓. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ คืออะไร ? (ญาณที่ทำให้ระลึกชาติก่อนๆได้)
๕๔. จุตูปปาตญาณ คืออะไร ? (ญาณที่ทำให้ทราบการจุติและเกิดของสัตว์ทั้งหลาย หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ทิพจักษุญาณ)
๕๕. อาสวักขยญาณ คืออะไร ?(ญาณอันทำให้กิเลสทั้งมวลสิ้นไป)
๕๖. ญาณทั้ง ๓ พระองค์ได้เมื่อไร ? (ได้เมื่อคืนจะตรัสรู้ คือปุพเพนิวาสานุสสติญาณได้ในตอนปฐมยาม จุตูปปาตญาณ ได้ในมัชฌิมยาม อาสวักขยญาณได้ในปจฉิมยาม)
๕๗. ใครถวายบิณฑบาตแก่พระองค์ในคราวจะตรัสรู้ ? (นางสุชาดาบุตรีของนายบ้านเสนานิคมถวาย)๕๘. พระองค์รับบิณฑบาตรแล้ว เสด็จไปไหนและทำอะไร (ไปยังแม่น้ำเนรัญชรา ทรงสรงแล้ว จึงเสวยข้าวมธุปายาส และก็ลอยถาดในแม่น้ำนั้น)
๕๙. ใครถวายหญ้าแก่พระองค์ ?(โสตถิยพราหมณ์)
๖๐. บารมี ๑๐ ทัศ คืออะไรบ้าง ? (คือ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริย ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา และอุเบกขา)
๖๑. พาณิช ๒ พี่น้อง คือตปุสสะ และภัลลิกะ ไปเาพระพุทธเจ้าที่ไหน ? (ที่ใต้ร่มไม้เกต)
๖๒. การเข้าถึงพระพุทธ และพระธรรมเป็นที่พึ่ง เรียกว่าอะไร ? (เทววาจิกา)
๖๓. ดอกบัว ๔ เหล่า คืออย่างไร ? (๑. ดอกบัวที่พ้นน้ำแล้วพร้อมที่จะบาน ๒. ดอกบัวที่ตั้งอยู่เสมอน้ำ ๓. ดอกบัวที่ยังไม่ขึ้นจากน้ำ ๔. ดอกบัวที่อยู่ในเปลือกตมพร้อมจะเป็นอาหารของปลาและเต่า) ๖๔. อุปกาชีวกพบพระพุทธเจ้า ณ ที่ใด ? (ระหว่างแม่น้ำคยา กับแดนมหาโพธิ์ต่อกัน)
๖๕. พระอัญญาโกณฑัญญะ ได้ดวงตาเห็นธรรมเพราะธรรมเทศนาอะไร ? (ธัมมจัปปวัตตนสูตร)
๖๖. ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ใครบวชเป็นคนแรก และด้วยวิธีอะไร ? (พระอัญญาโกณฑัญญะ ด้วยเอหิภิกขุอุปสัมปทา)
๖๗. ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ สำเร็จเป็นพระอรหันต์ด้วยเทศนาอะไร ? (อนัตตลักขณสูตร)
๖๘. ใจความของธัมมจัปปวัตตนสูตร มีความหมายว่าอย่างไร ? (ที่สุด ๒ อย่าง คือกามสุขัลลิกานุโยค และอัตตกิลมถานุโยค อันบรรพชิตไม่ควรประพฤติ และทรงแสดงทางสายกลางว่า บรรพชิตควรประพฤติซึ่งมีองค์ ๘ เป็นทางที่จะให้บรรลุมรรคผลได้ จากนั้นก็ทรงแสดง อริยสัจ ๔ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค)
๖๙. เห็นอย่างไรจึงชื่อว่าดวงตาเห็นธรรม ? (เห็นว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งหมดก็มีความดับเป็นธรรมดา)
๗๐. ใจความของอนัตตลักขณสูตร มีว่าอย่างไร ? (ขันธ์ ๕ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ไม่ควรที่จะไปยึดมั่นถือมั่น)
๗๑. พระศาสดาทรงแสดงเทศนาอนุปุพพิกถา อย่าวไร ? (แสดงอย่างนี้คือ
ก. ทานกถา พรรณนาถึงการให้ การบริจาคก่อน
ข. สีลกถา พรรณนาถึงศีล การรักษากายวาจาให้เรียบร้อย
ค. สัคคกถา พรรณนาถึงสวรรค์ คือผลของความดีที่บุคคลพึงได้ เมื่อทำทาน และรักษาศีลแล้ว
ฆ. กามาทีนวกถา พรรณนาถึงโทษของความใคร่ในกาม
ง. เนกขัมมานิสังสกถา พรรณนาถึงอานิสงส์แห่งการออกจากกาม เป็นลำดับสืบต่อกันไปอย่างนี้)
(๓ ครั้ง คือ ๑)ตอนอสิตดาบสกราบพระกุมารและทำนายลักษณะ ๒)ตอนพระกุมารนั่งสมาธิใต้ร่มชมพูพฤกษ์ และ ๓)ตอนที่พระพุทธเจ้าแสดงปาฏิหาริย์ ทรมานพวกญาติ)
๓๐. พระบิดาให้สร้างปราสาท ๓ ฤดู ให้พระกุมารเพื่อประโยชน์อะไร ? (เพื่อจะผูกพระกุมารให้อยู่ในราชสมบัติ)
๓๑. เทวทูต ๔ คืออะไร ? (คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และบรรพชิต)
๓๒. เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกบรรพชาในเวลาไหน ? ไปด้วยอะไร กับใคร ? (เวลากลางคืน ทรงม้ากัณฐกะออกไป พร้อมด้วยนายฉันนะเป็นคนติดตาม)
๓๓. พระองค์ทรงอธิษฐานเพศเป็นบรรพชิต ณ ที่ไหน ? (ที่ฝั่งแม่น้ำอโนมา)
๓๔. พระองค์คิดอย่างไรจึงพอพระทัยในบรรพชา ? (เห็นว่า ฆราวาสคับแคบ เป็นที่ตั้งแห่งอารมณ์เศร้าหมองได้ง่าย)
๓๕. พระองค์ตัดพระเกสาให้ยาวเท่าไร ? (ยาว ๒ นิ้ว)
๓๖. การเสด็จออกบรรพชา พระอรรถกถาจารย์แสดงไว้กี่นัย ? (๒ นัย คือ เสด็จออกในเวลากลางคืน และทรงผนวชต่อหน้าพระราชบิดาและมารดา ซึ่งกำลังเศร้าโศกอยู่) ๓๗. ผ้าที่เขาย้อมด้วยเปลือกไม้บ้าง แก่นไม้บ้างแล้วแต่จะ
หาได้ มีสีหม่นๆ คือผ้าอะไร? (ผ้ากาสายะหรือผ้ากาสาวะ)
๓๘. ไตรจีวร มีอะไรบ้าง ? (มี ๑. ผ้าสังฆาฏิ ๒. ผ้าอุตตราสงฆ์ ๓. ผ้าอันตรวาสก)
๓๙. เจ้าชายสิทธัตถะ ออกบวชเมื่ออายุเท่าไร ? (๒๙ พรรษา)
๔๐. เจ้าชายสิทธัตถะออกบวชแล้ว แสวงหาโมกขธรรมอยู่กี่ปี จึงได้ตรัสรู้ ? (๖ ปี)
๔๑. ใครเป็นผู้ทูลว่าถ้าตรัสสรู้แล้วขอให้เสด็จมาเทศนาโปรด? (พระเจ้าพิมพิสาร)
๔๒. พระองค์ได้อะไรจากสำนักของอาฬารดาบสและอุทกดาบส ?(ได้สมาบัติ ๗ ในสำนักอาฬารดาบส และได้สมาบัติ ๘ ในสำนักของอุทกดาบส)
๔๓. อาฬารดาบสและอุทกดาบส สรรเสริญพระองค์ว่าอย่างไร ? (ว่ามีความรู้เสมอด้วยตนและเชิญให้อยู่สอนศิษย์ด้วยกัน)
๔๔. ทำทุกกรกิริยาวาระแรก ทำอย่างไร ? (กัดฟันด้วยฟัน เอาลิ้นกดเพดาลไว้แน่น จนเหงื่อไหลออกจากรักแร้)
๔๕. ทุกกรกิริยาวาระที่สองทำอย่างไร ? (ทรงผ่อนกลั้นลมหายใจเข้าออก เมื่อลมเดินไม่สะดวกทางช่องจมูกและปาก ก็เกิดเสียงดังอู้ทางหูทั้งสองทำให้ปวดศีรษะ จุกเสียดในท้อง ร้อนกายอย่างแรง)
๔๖. ทุกกรกิริยาวาระที่สามทำอย่างไร ? (ทรงอดอาหารเสวยแต่วันละน้อยๆ และอาหารละเอียดจนร่างกายซูบผอมผิวพรรณเศร้าหมองจนกระดูกปรากฏทั่วกาย มื่อลูตัวขนก็หลุดร่วงไปด้วย)
๔๗. ปัญจวัคคีย์บรรพชิต ๕ รูป คือใครบ้าง ? (โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และอัสสชิ)
๔๘. พวกปัญจวัคคีย์หนีจากพระพุทูเจ้าแล้วไปยู่ที่ใด ? (ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณส)
๔๙. พระพุทธเจ้าทำทุกกรกิริยานั้น ทำอย่างไร ? (ทำอัตตกิลมถานุโยค)
๕๐. ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม แขวงเมืองพาราณสี ปัจจุบันเรียกว่าอะไร ? (พุทธคยา)
๕๑. การตั้งพระทัยว่า ”แม้เลือดและเนื้อในกายของเราจะเหือดแห้งไปเหลือแต่หนังเอ็นกระดูกก็ตามเถิด ถ้าไม่บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณแล้วจะไม่ลุกขึ้น” เรียกว่า ปณิธานอะไร
(จตุรงคมหาปธาน)
๕๒. พระพุทธเจ้าตรัสรู้ในวันไหน ?(คืนวันพุธ ขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๖ ปีระกา ก่อนพุทธศักราช ๔๕ ปี)
๕๓. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ คืออะไร ? (ญาณที่ทำให้ระลึกชาติก่อนๆได้)
๕๔. จุตูปปาตญาณ คืออะไร ? (ญาณที่ทำให้ทราบการจุติและเกิดของสัตว์ทั้งหลาย หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ทิพจักษุญาณ)
๕๕. อาสวักขยญาณ คืออะไร ?(ญาณอันทำให้กิเลสทั้งมวลสิ้นไป)
๕๖. ญาณทั้ง ๓ พระองค์ได้เมื่อไร ? (ได้เมื่อคืนจะตรัสรู้ คือปุพเพนิวาสานุสสติญาณได้ในตอนปฐมยาม จุตูปปาตญาณ ได้ในมัชฌิมยาม อาสวักขยญาณได้ในปจฉิมยาม)
๕๗. ใครถวายบิณฑบาตแก่พระองค์ในคราวจะตรัสรู้ ? (นางสุชาดาบุตรีของนายบ้านเสนานิคมถวาย)๕๘. พระองค์รับบิณฑบาตรแล้ว เสด็จไปไหนและทำอะไร (ไปยังแม่น้ำเนรัญชรา ทรงสรงแล้ว จึงเสวยข้าวมธุปายาส และก็ลอยถาดในแม่น้ำนั้น)
๕๙. ใครถวายหญ้าแก่พระองค์ ?(โสตถิยพราหมณ์)
๖๐. บารมี ๑๐ ทัศ คืออะไรบ้าง ? (คือ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริย ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา และอุเบกขา)
๖๑. พาณิช ๒ พี่น้อง คือตปุสสะ และภัลลิกะ ไปเาพระพุทธเจ้าที่ไหน ? (ที่ใต้ร่มไม้เกต)
๖๒. การเข้าถึงพระพุทธ และพระธรรมเป็นที่พึ่ง เรียกว่าอะไร ? (เทววาจิกา)
๖๓. ดอกบัว ๔ เหล่า คืออย่างไร ? (๑. ดอกบัวที่พ้นน้ำแล้วพร้อมที่จะบาน ๒. ดอกบัวที่ตั้งอยู่เสมอน้ำ ๓. ดอกบัวที่ยังไม่ขึ้นจากน้ำ ๔. ดอกบัวที่อยู่ในเปลือกตมพร้อมจะเป็นอาหารของปลาและเต่า) ๖๔. อุปกาชีวกพบพระพุทธเจ้า ณ ที่ใด ? (ระหว่างแม่น้ำคยา กับแดนมหาโพธิ์ต่อกัน)
๖๕. พระอัญญาโกณฑัญญะ ได้ดวงตาเห็นธรรมเพราะธรรมเทศนาอะไร ? (ธัมมจัปปวัตตนสูตร)
๖๖. ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ใครบวชเป็นคนแรก และด้วยวิธีอะไร ? (พระอัญญาโกณฑัญญะ ด้วยเอหิภิกขุอุปสัมปทา)
๖๗. ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ สำเร็จเป็นพระอรหันต์ด้วยเทศนาอะไร ? (อนัตตลักขณสูตร)
๖๘. ใจความของธัมมจัปปวัตตนสูตร มีความหมายว่าอย่างไร ? (ที่สุด ๒ อย่าง คือกามสุขัลลิกานุโยค และอัตตกิลมถานุโยค อันบรรพชิตไม่ควรประพฤติ และทรงแสดงทางสายกลางว่า บรรพชิตควรประพฤติซึ่งมีองค์ ๘ เป็นทางที่จะให้บรรลุมรรคผลได้ จากนั้นก็ทรงแสดง อริยสัจ ๔ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค)
๖๙. เห็นอย่างไรจึงชื่อว่าดวงตาเห็นธรรม ? (เห็นว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งหมดก็มีความดับเป็นธรรมดา)
๗๐. ใจความของอนัตตลักขณสูตร มีว่าอย่างไร ? (ขันธ์ ๕ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ไม่ควรที่จะไปยึดมั่นถือมั่น)
๗๑. พระศาสดาทรงแสดงเทศนาอนุปุพพิกถา อย่าวไร ? (แสดงอย่างนี้คือ
ก. ทานกถา พรรณนาถึงการให้ การบริจาคก่อน
ข. สีลกถา พรรณนาถึงศีล การรักษากายวาจาให้เรียบร้อย
ค. สัคคกถา พรรณนาถึงสวรรค์ คือผลของความดีที่บุคคลพึงได้ เมื่อทำทาน และรักษาศีลแล้ว
ฆ. กามาทีนวกถา พรรณนาถึงโทษของความใคร่ในกาม
ง. เนกขัมมานิสังสกถา พรรณนาถึงอานิสงส์แห่งการออกจากกาม เป็นลำดับสืบต่อกันไปอย่างนี้)
๗๒. ใครที่ปฏิญญาตนเป็น อุบาสกและอุบาสิกา โดยถึงรัตนะทั้ง ๓ เป็นที่พึ่งคนแรก ? (บิดามารดาและภรรยาของพระยสะ)
๗๓. สหายของพระยสมีเท่าไร ใครบ้าง ? (มี ๕๔ คน มีชื่อปรากฏ ๔ คนคือ วิมละ สุพาหุ ปุณณชิ ควัมปติ อีก ๕๐ คนไม่ปรากฏชื่อ)
๗๔. ชฎิล ๓ พี่น้อง คือใครบ้าง มีบรวารคนละเท่าไร ?
(๑. พี่คนใหญ่ ชื่ออุรุเวลากัสสปะ มีบริวาร ๕๐๐ คน
๒. คนกลาง ชื่อนทีกัสสปะ บริวาร ๓๐๐ คน
๓. คนเล็ก ชื่อคยากัสสปะ มีบริวาร ๒๐๐ คน)
๗๕. ชฎิล ๓ พี่น้องพร้อมด้วยบริวาร บรรลุธรรมด้วยเทศนาอะไร ? (อาทิตตปริยายสูตร)
๗๖. อาทิตตปริยายสูตร มีใจความว่าอย่างไร ? (ว่า อายตนภายใน อายตนภายนอก วิญญาณ สัมผัส และเวทนาเป็นของร้อน ร้อนเพราะไฟ คือราคะ โทสะ โมหะ ร้อนเพราะความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ความเศร้าโศกร่ำไรรำพันต่างๆ)
๗๗. การบวชที่พระศาสดาทรงอนุญาตให้พระสาวกบวชได้เอง ได้แก่อะไร ?(ติสรณคมนูปสัมปทา หรือ ไตรสรณคมน์)
๗๘. ใครเป็นผู้ถวายอุทยานเวฬุวัน ? (พระเจ้าพิมพิสาร)
๗๙. เหตุใด พระพุทธเจ้าจึงประดิษฐานศาสนาในมคธก่อน ? (เพราะเป็นที่รวมอยู่ของคณาจารย์ เจ้าลัทธิต่างๆมากมาย)
๘๐. ความประสงค์ ๕ ประการของพระเจ้าพิมพิสาร คืออะไร ? ( ๑. ขอให้ข้าพเจ้าได้อภิเษกเป็นพระเจ้าแผ่นดินในมคธนี้
๒. ขอให้ท่านผู้เป็นอรหันต์ พึงมาสู่แคว้นของข้าพเจ้า
๓. ขอให้ข้าพระองค์ได้นั่งใกล้พระอรหันต์
๔. ขอพระอรหันต์พึงแสดงธรรมแก่ข้าพเจ้า
๗๓. สหายของพระยสมีเท่าไร ใครบ้าง ? (มี ๕๔ คน มีชื่อปรากฏ ๔ คนคือ วิมละ สุพาหุ ปุณณชิ ควัมปติ อีก ๕๐ คนไม่ปรากฏชื่อ)
๗๔. ชฎิล ๓ พี่น้อง คือใครบ้าง มีบรวารคนละเท่าไร ?
(๑. พี่คนใหญ่ ชื่ออุรุเวลากัสสปะ มีบริวาร ๕๐๐ คน
๒. คนกลาง ชื่อนทีกัสสปะ บริวาร ๓๐๐ คน
๓. คนเล็ก ชื่อคยากัสสปะ มีบริวาร ๒๐๐ คน)
๗๕. ชฎิล ๓ พี่น้องพร้อมด้วยบริวาร บรรลุธรรมด้วยเทศนาอะไร ? (อาทิตตปริยายสูตร)
๗๖. อาทิตตปริยายสูตร มีใจความว่าอย่างไร ? (ว่า อายตนภายใน อายตนภายนอก วิญญาณ สัมผัส และเวทนาเป็นของร้อน ร้อนเพราะไฟ คือราคะ โทสะ โมหะ ร้อนเพราะความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ความเศร้าโศกร่ำไรรำพันต่างๆ)
๗๗. การบวชที่พระศาสดาทรงอนุญาตให้พระสาวกบวชได้เอง ได้แก่อะไร ?(ติสรณคมนูปสัมปทา หรือ ไตรสรณคมน์)
๗๘. ใครเป็นผู้ถวายอุทยานเวฬุวัน ? (พระเจ้าพิมพิสาร)
๗๙. เหตุใด พระพุทธเจ้าจึงประดิษฐานศาสนาในมคธก่อน ? (เพราะเป็นที่รวมอยู่ของคณาจารย์ เจ้าลัทธิต่างๆมากมาย)
๘๐. ความประสงค์ ๕ ประการของพระเจ้าพิมพิสาร คืออะไร ? ( ๑. ขอให้ข้าพเจ้าได้อภิเษกเป็นพระเจ้าแผ่นดินในมคธนี้
๒. ขอให้ท่านผู้เป็นอรหันต์ พึงมาสู่แคว้นของข้าพเจ้า
๓. ขอให้ข้าพระองค์ได้นั่งใกล้พระอรหันต์
๔. ขอพระอรหันต์พึงแสดงธรรมแก่ข้าพเจ้า
๕. ขอให้ข้าพเจ้ารู้ทั่วถึงธรรมของพระอรหันต์)๘๑. ใครได้ดวงตาเห็นธรรมแล้วไปบอกเพื่อนจนได้ดวงตาเห็นธรรมตาม และเพื่อนคือใคร ?(พระสารีบุตร เพื่อน คือ พระโมคคัลลานะ) ๘๒. พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ใครได้บรรลุพระอรหันต์ก่อน ที่ไหน กี่วันจึงได้บรรลุ ? (พระโมคคัลลานะได้บรรลุก่อน ที่บ้านกัลลวาลมุตตคาม แขวงเมืองราชคฤห์ หลังจากบวชแล้ว ๗ วัน ส่วนพระสารีบุตร บรรลุที่ถ้ำสุกรขาตา เขาคิชฌกูฏ แขวงเมืองราชคฤห์ หลังจากบวชแล้ว ๑๕ วัน)
๘๓. พระอัครสาวกทั้ง ๒ ได้รับการยกย่องในทางไหน ? (พระสารีบุตร ในทางมีปัญญามาก พระโมคคัลลานะในทางมีฤทธิ์มาก)
๘๔. อุปติสสะ ได้ฟังธรรมจากใครจึงได้ดวงตาเห็นธรรม ? (พระอัสสชิ)
๘๕. พระศาสดาแสดงธรรมให้ใครฟัง พระสารีบุตรจึงได้บรรลุพระอรหันต์ตามกระแสธรรมนั้น ? (ทีฆนขอัคคิเวสนโคตร)
๘๖. ความเห็นที่ว่า “สิ่งทั้งปวงไม่ควรแก่ข้าพระเจ้าๆ ไม่ชอบใจหมด” นี้เป็นทิฏฐิของใคร ? (ทีฆนขอัคคิเวสนโคตร)
๘๗. พระศาสดาทรงเปรียบพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะเหมือนอะไร ? (พระสารีบุตรเปรียบเหมือนมารดา พระโมคคัลลานะเปรียบเหมือนนางนม)
๘๘. เมืองมคธกับอังคะ รวมเข้ากันโดยมีราชคฤห์เป็นเมืองหลวงนั้น มีอาณาเขตติดต่อกับแดนอื่นอย่างไร ?
( ก. ทิศเหนือ จรดกาสีชนบทอันสมทบกับโกศลชนบท
ข. ทิศตะวันออกจรดวัชชีชนบท
ค. ทิศใต้จรดมหาสมุทร หรือกลิงคชนบท
ง. ทิศตะวันตก จรดกับชนบทอะไรยังไม่พบหลักฐานแน่นอน)
๘๙. พระมหากัสสปะ เมื่อเป็นมาณพมีชื่อว่าอย่างไร ? (ปิปผลิมาณพ)
๙๐. พระศาสดาประทานการบวชแก่พระมหากัสสปะ โดยประทานโอวาทกี่ข้อ ณ ที่ไหน ?(๓ ข้อ ที่ใต้ร่มไม้ไทร เรียกว่า พหุปุตตนิโครธ ในระหว่างเมืองราชคฤห์กับเมืองนาลันทาต่อกัน)
๘๓. พระอัครสาวกทั้ง ๒ ได้รับการยกย่องในทางไหน ? (พระสารีบุตร ในทางมีปัญญามาก พระโมคคัลลานะในทางมีฤทธิ์มาก)
๘๔. อุปติสสะ ได้ฟังธรรมจากใครจึงได้ดวงตาเห็นธรรม ? (พระอัสสชิ)
๘๕. พระศาสดาแสดงธรรมให้ใครฟัง พระสารีบุตรจึงได้บรรลุพระอรหันต์ตามกระแสธรรมนั้น ? (ทีฆนขอัคคิเวสนโคตร)
๘๖. ความเห็นที่ว่า “สิ่งทั้งปวงไม่ควรแก่ข้าพระเจ้าๆ ไม่ชอบใจหมด” นี้เป็นทิฏฐิของใคร ? (ทีฆนขอัคคิเวสนโคตร)
๘๗. พระศาสดาทรงเปรียบพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะเหมือนอะไร ? (พระสารีบุตรเปรียบเหมือนมารดา พระโมคคัลลานะเปรียบเหมือนนางนม)
๘๘. เมืองมคธกับอังคะ รวมเข้ากันโดยมีราชคฤห์เป็นเมืองหลวงนั้น มีอาณาเขตติดต่อกับแดนอื่นอย่างไร ?
( ก. ทิศเหนือ จรดกาสีชนบทอันสมทบกับโกศลชนบท
ข. ทิศตะวันออกจรดวัชชีชนบท
ค. ทิศใต้จรดมหาสมุทร หรือกลิงคชนบท
ง. ทิศตะวันตก จรดกับชนบทอะไรยังไม่พบหลักฐานแน่นอน)
๘๙. พระมหากัสสปะ เมื่อเป็นมาณพมีชื่อว่าอย่างไร ? (ปิปผลิมาณพ)
๙๐. พระศาสดาประทานการบวชแก่พระมหากัสสปะ โดยประทานโอวาทกี่ข้อ ณ ที่ไหน ?(๓ ข้อ ที่ใต้ร่มไม้ไทร เรียกว่า พหุปุตตนิโครธ ในระหว่างเมืองราชคฤห์กับเมืองนาลันทาต่อกัน)
๙๑. พระศาสดาทรงอนุญาตให้พระสาวกรับเสนาสนะได้นั้น เสนาสนะมีกี่ชนิด ? (มี ๕ ชนิด คือ
๑. วิหาร เรือนที่มีหลังคาธรรมดา
๒. อัฑฒโยค เรือนที่มุงเพียงข้างเดียว
๓. ปราสาท เรือนเป็นชั้นๆที่สวยงามน่ารื่นรมย์
๔. หัมมิย เรือนที่มีหลังคาตัด มีลานที่แสงจันทร์ส่องลงมาได้
๕. คูหา ได้แก่ถ้ำในภูเขา)
๙๒. วันจาตุรงคสันนิบาต พระสงฆ์ทำกันอย่างไร เมื่อไร ที่ไหน ? (พระสงฆ์ ๑,๒๕๐ รูป มาประชุมกัน เมื่อวันเพ็ญ เดือน ๓ ในเวลาบ่ายโดยมีเหตุ ๔ ลักษณะ คือ
๑. พระสงฆ์ที่มาประชุมล้วนเป็นพระอรหันต์
๒. พระสงฆ์เหล่านั้นล้วนแต่เป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา
๓. พระสงฆ์เหล่านั้นมาประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย
๔. วันนั้นเป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวงเดือนมาฆะ
ทั้งนี้มาประชุมกัน ณ เวฬุวนาราม กรุงราชคฤห์)
๙๓. การทำบุญกรวดน้ำ อุทิศส่วนกุศลไปให้แก่บิดาผู้ล่วงลับไปแล้ว เรียกว่าอะไร ? (ปุพพเปตพลี)
๙๔. บุรพบิดร มีเท่าไร อะไรบ้าง ? (มี ๓ ชั้น คือ บิดา ปู่ ทวด)
๙๕. เทวตาพลี ของพวกอริยกะ ทำกันอย่างไร ? (การสังเวยเทวดา มี ๒ ชนิด คือ
๑. สังเวยเทวดาที่ดี เพื่อให้มีความเอ็นดูยิ่งขึ้น ด้วยขนม นม เนย และผลไม้
๒. สังเวยเทวดาที่ร้าย เพื่อมิให้คิดร้ายต่อตน ด้วยเนื้อ เลือดของสัตว์ต่าง)
๙๖. สังฆกรรมที่พระศาสดามอบให้พระสงฆ์เป็นใหญ่นั้น มีกี่ประเภท ? (มี ๔ ประเภท คือ
๑. ภิกษุประชุมกันเพียง ๔ รูป เรียกว่า จตุวรรค สำหรับกรรมทั่วไป เว้นบางอย่าง
๒. ภิกษุเข้าประชุมกันเพียง ๕ รูป เรียกว่า ปัญจวรรค สำหรับอุปสมบทในปัจจันตชนบท และปวารณา ๓. ภิกษุเข้าประชุมกันเพียง ๑๐ รูป เรียกว่า ทสวรรค สำหรับอุปสมบทในมัธยมประเทศ
๔. ภิกษุเข้าประชุมกันเพียง ๒๐ รูป เรียกว่า วัสติวรรค สำหรับระงับอาบัติสังฆาทิเสส ที่เรียกว่า อัพภาน)
๙๗. ในพระพุทธศาสนา ใครทำปุพพเปตพลีครั้งแรก ? (พระเจ้าพิมพิสาร)
๙๘. คำว่าเปตชน หมายถึงคน กี่ชนิด ? (๒ ชนิด คือ ชนพวกที่ตายไปแล้วทั่วไป และบุรพบิดร คือญาติที่ตายไปแล้ว)
๙๙. ทักษิณาจะสำเร็จแก่ชนผู้ที่ตายไปแล้ว ด้วยลักษณะอย่างไร ? (สำเร็จดังนี้ คือ ผู้ตายต้องอยู่ในเปตตวิสัย และด้วยลักษณะ ๓ ประการ คือ
๑. ผู้ถวายทานอุทิศส่วนกุศลให้
๒. ปฏิคาหกผู้รับไทยธรรมนั้น เป็นทักขิเณยย ได้แก่ พระอริยะ
๓. ผู้ตายอนุโมทนาส่วนกุศลนั้นด้วย
๑๐๐. สักกชนบทนั้น แบ่งเป็นกี่นคร ? (แบ่งเป็น ๓ นคร คือ ๑. นครกบิลพัสดุ์ ๒. นครวิธัญญา ๓. นครโคธาฬี ในมหาปรินิพพานสูตร ได้เพิ่มนครโกลิยะเข้าอีกด้วย)
๑๐๑. ฝนโบกขรพรรษ คืออะไร ? (ฝนที่มีเมล็ดสีแดงเมื่อตกลงมา ผู้ใดปรารถนาให้เปียกก็เปียก ผู้ใดไม่ปรารถนา ก็ไม่เปียก)
๑๐๒. เวลาที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรด พะเจ้าสุทโธทนะได้กราบพระองค์กี่ครั้งแล้ว ? (๓ ครั้ง คือ
๑. เมื่อเห็นกาฬเทวินดาบสกราบ
๒. เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะ นั่งสมาธิที่ใต้ร่มไม้ เมื่อวันพืชมงคล
๓. เมื่อพระพุทธองค์เสด็จมาโปรด และได้ทรงแสดงปาฏิหาริย์)
๑๐๓. พระพุทธองค์แสดงธรรมโปรด พระเจ้าสุทโธทนะได้บรรลุธรรมอะไร ? (โสดาปัตติผล)
๑๐๔. พระศาสดา แสดงพระเวสสันดรชาดก แก่ใคร ที่ไหน
(แก่พระประยูรญาติ ชาวศากยะ ที่เมืองกบิลพัสดุ์)
๑. วิหาร เรือนที่มีหลังคาธรรมดา
๒. อัฑฒโยค เรือนที่มุงเพียงข้างเดียว
๓. ปราสาท เรือนเป็นชั้นๆที่สวยงามน่ารื่นรมย์
๔. หัมมิย เรือนที่มีหลังคาตัด มีลานที่แสงจันทร์ส่องลงมาได้
๕. คูหา ได้แก่ถ้ำในภูเขา)
๙๒. วันจาตุรงคสันนิบาต พระสงฆ์ทำกันอย่างไร เมื่อไร ที่ไหน ? (พระสงฆ์ ๑,๒๕๐ รูป มาประชุมกัน เมื่อวันเพ็ญ เดือน ๓ ในเวลาบ่ายโดยมีเหตุ ๔ ลักษณะ คือ
๑. พระสงฆ์ที่มาประชุมล้วนเป็นพระอรหันต์
๒. พระสงฆ์เหล่านั้นล้วนแต่เป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา
๓. พระสงฆ์เหล่านั้นมาประชุมกันโดยมิได้นัดหมาย
๔. วันนั้นเป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวงเดือนมาฆะ
ทั้งนี้มาประชุมกัน ณ เวฬุวนาราม กรุงราชคฤห์)
๙๓. การทำบุญกรวดน้ำ อุทิศส่วนกุศลไปให้แก่บิดาผู้ล่วงลับไปแล้ว เรียกว่าอะไร ? (ปุพพเปตพลี)
๙๔. บุรพบิดร มีเท่าไร อะไรบ้าง ? (มี ๓ ชั้น คือ บิดา ปู่ ทวด)
๙๕. เทวตาพลี ของพวกอริยกะ ทำกันอย่างไร ? (การสังเวยเทวดา มี ๒ ชนิด คือ
๑. สังเวยเทวดาที่ดี เพื่อให้มีความเอ็นดูยิ่งขึ้น ด้วยขนม นม เนย และผลไม้
๒. สังเวยเทวดาที่ร้าย เพื่อมิให้คิดร้ายต่อตน ด้วยเนื้อ เลือดของสัตว์ต่าง)
๙๖. สังฆกรรมที่พระศาสดามอบให้พระสงฆ์เป็นใหญ่นั้น มีกี่ประเภท ? (มี ๔ ประเภท คือ
๑. ภิกษุประชุมกันเพียง ๔ รูป เรียกว่า จตุวรรค สำหรับกรรมทั่วไป เว้นบางอย่าง
๒. ภิกษุเข้าประชุมกันเพียง ๕ รูป เรียกว่า ปัญจวรรค สำหรับอุปสมบทในปัจจันตชนบท และปวารณา ๓. ภิกษุเข้าประชุมกันเพียง ๑๐ รูป เรียกว่า ทสวรรค สำหรับอุปสมบทในมัธยมประเทศ
๔. ภิกษุเข้าประชุมกันเพียง ๒๐ รูป เรียกว่า วัสติวรรค สำหรับระงับอาบัติสังฆาทิเสส ที่เรียกว่า อัพภาน)
๙๗. ในพระพุทธศาสนา ใครทำปุพพเปตพลีครั้งแรก ? (พระเจ้าพิมพิสาร)
๙๘. คำว่าเปตชน หมายถึงคน กี่ชนิด ? (๒ ชนิด คือ ชนพวกที่ตายไปแล้วทั่วไป และบุรพบิดร คือญาติที่ตายไปแล้ว)
๙๙. ทักษิณาจะสำเร็จแก่ชนผู้ที่ตายไปแล้ว ด้วยลักษณะอย่างไร ? (สำเร็จดังนี้ คือ ผู้ตายต้องอยู่ในเปตตวิสัย และด้วยลักษณะ ๓ ประการ คือ
๑. ผู้ถวายทานอุทิศส่วนกุศลให้
๒. ปฏิคาหกผู้รับไทยธรรมนั้น เป็นทักขิเณยย ได้แก่ พระอริยะ
๓. ผู้ตายอนุโมทนาส่วนกุศลนั้นด้วย
๑๐๐. สักกชนบทนั้น แบ่งเป็นกี่นคร ? (แบ่งเป็น ๓ นคร คือ ๑. นครกบิลพัสดุ์ ๒. นครวิธัญญา ๓. นครโคธาฬี ในมหาปรินิพพานสูตร ได้เพิ่มนครโกลิยะเข้าอีกด้วย)
๑๐๑. ฝนโบกขรพรรษ คืออะไร ? (ฝนที่มีเมล็ดสีแดงเมื่อตกลงมา ผู้ใดปรารถนาให้เปียกก็เปียก ผู้ใดไม่ปรารถนา ก็ไม่เปียก)
๑๐๒. เวลาที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรด พะเจ้าสุทโธทนะได้กราบพระองค์กี่ครั้งแล้ว ? (๓ ครั้ง คือ
๑. เมื่อเห็นกาฬเทวินดาบสกราบ
๒. เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะ นั่งสมาธิที่ใต้ร่มไม้ เมื่อวันพืชมงคล
๓. เมื่อพระพุทธองค์เสด็จมาโปรด และได้ทรงแสดงปาฏิหาริย์)
๑๐๓. พระพุทธองค์แสดงธรรมโปรด พระเจ้าสุทโธทนะได้บรรลุธรรมอะไร ? (โสดาปัตติผล)
๑๐๔. พระศาสดา แสดงพระเวสสันดรชาดก แก่ใคร ที่ไหน
(แก่พระประยูรญาติ ชาวศากยะ ที่เมืองกบิลพัสดุ์)
๑๐๕. พระกาฬุทายี เป็นอะไรกับพระพุทธเจ้า ? (เป็นสหชาติกับพระองค์)
๑๐๖. อนาถบิณฑิกะ เป็นอะไรกับราชคหกเศรษฐี ? (เป็นน้องเขยของราชคหกเศรษฐี)
๑๐๗. อนาถบิณฑิกะ ได้ทำอะไรถวายพระศาสดา ? (เชตวนาราม)
๑๐๘. อนาถบิณฑิกะ ชื่อเดิมว่าอย่างไร และบรรลุธรรมอะไร ? (ชื่อสุทัตตะ บรรลุโสดาปัตติผล)
๑๐๙. สาวัตถี เมืองหลวงของแคว้นโกศล และพาราณสี เมืองหลวงของกาสี ตั้งอยู่ที่ไหน มีแม่น้ำอะไรไหลผ่าน ? (สาวัตถี ตั้งอยู่แถบลุ่มแม่น้ำอจิรวดี พาราณสีตั้งอยู่แถบลุ่มแม่น้ำเนรัญชรา เข้าใจว่าแม่น้ำโคธาวารีไหลผ่านอาณาจักรนี้)
๑๑๐. เมื่อพระพุทธองค์เสด็จมาโกศล ครั้งแรก ใครเป็นกษัตริย์ปกครอง ? (พระเจ้าปเสนทิโกศล)
ปัจฉิมโพธิกาล (ปลงพระชนมายุสังขาร)
๑๑๑. พระพุทธเจ้าปลงอายุสังขารที่ไหน วัน เดือน ปี อะไร
(ที่ปาวาลเจดีย์ เมื่อวันเพ็ญเดือน ๓ ปีมะเส็ง)
๑๑๒. ในพรรษาสุดท้าย พระองค์ประทับที่ไหน เกิดเหตุอะไรขึ้น ? (ที่บ้านเวฬุวคาม และทรงประชวรอย่างหนัก)
๑๑๓. ถ้าพระองค์อธิษฐานให้ทรงพระชนม์อยู่ต่อไปตลอกกัลป์ จะอยู่ได้ด้วยอำนาจอะไร ? (อิทธิบาทภาวนา)
๑๑๔. ทำไม พระอานนท์จึงไม่อาราธนาให้พระองค์ทรงพระชนม์อยู่ต่อไป ? (เพราะมารดลใจ)
๑๑๕. เมื่อปลงพระชนมายุสังขาร เกิดเหตุอะไรขึ้น ? (เกิดเหตุต่างๆมีแผ่นดินไหวเป็นต้น)
๑๑๖. แผ่นดินไหวเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า มีกี่ครั้ง ? ( มี ๖ ครั้ง คือ
๑. เสด็จลงสู่พระครรภ์
๒. ประสูติ
๓. ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
๔. แสดงปฐมเทศนา
๕. ปลงอายุสังขาร
๖. นิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพาน) ๑๑๗. พระองค์แสดงที่ให้พระอานนท์ ทูลเชิญอาราธนาให้ดำรงพระชนม์ต่อไปกี่แห่ง ? (๑๖ แห่ง)
๑๑๘. ใครถวายบิณฑบาตแก่พระองค์เมื่อวันจะนิพพาน และถวายอะไร ? (นายจุนทะ ถวายเนื้อสุกรอ่อน)
๑๑๙. ใครถวายผ้าสิงคิวรรณแก่พระองค์ และพระอานนท์
(ปุกกุสะ บุตรของชาวมัลลกษัตริย์)
๑๐๖. อนาถบิณฑิกะ เป็นอะไรกับราชคหกเศรษฐี ? (เป็นน้องเขยของราชคหกเศรษฐี)
๑๐๗. อนาถบิณฑิกะ ได้ทำอะไรถวายพระศาสดา ? (เชตวนาราม)
๑๐๘. อนาถบิณฑิกะ ชื่อเดิมว่าอย่างไร และบรรลุธรรมอะไร ? (ชื่อสุทัตตะ บรรลุโสดาปัตติผล)
๑๐๙. สาวัตถี เมืองหลวงของแคว้นโกศล และพาราณสี เมืองหลวงของกาสี ตั้งอยู่ที่ไหน มีแม่น้ำอะไรไหลผ่าน ? (สาวัตถี ตั้งอยู่แถบลุ่มแม่น้ำอจิรวดี พาราณสีตั้งอยู่แถบลุ่มแม่น้ำเนรัญชรา เข้าใจว่าแม่น้ำโคธาวารีไหลผ่านอาณาจักรนี้)
๑๑๐. เมื่อพระพุทธองค์เสด็จมาโกศล ครั้งแรก ใครเป็นกษัตริย์ปกครอง ? (พระเจ้าปเสนทิโกศล)
ปัจฉิมโพธิกาล (ปลงพระชนมายุสังขาร)
๑๑๑. พระพุทธเจ้าปลงอายุสังขารที่ไหน วัน เดือน ปี อะไร
(ที่ปาวาลเจดีย์ เมื่อวันเพ็ญเดือน ๓ ปีมะเส็ง)
๑๑๒. ในพรรษาสุดท้าย พระองค์ประทับที่ไหน เกิดเหตุอะไรขึ้น ? (ที่บ้านเวฬุวคาม และทรงประชวรอย่างหนัก)
๑๑๓. ถ้าพระองค์อธิษฐานให้ทรงพระชนม์อยู่ต่อไปตลอกกัลป์ จะอยู่ได้ด้วยอำนาจอะไร ? (อิทธิบาทภาวนา)
๑๑๔. ทำไม พระอานนท์จึงไม่อาราธนาให้พระองค์ทรงพระชนม์อยู่ต่อไป ? (เพราะมารดลใจ)
๑๑๕. เมื่อปลงพระชนมายุสังขาร เกิดเหตุอะไรขึ้น ? (เกิดเหตุต่างๆมีแผ่นดินไหวเป็นต้น)
๑๑๖. แผ่นดินไหวเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า มีกี่ครั้ง ? ( มี ๖ ครั้ง คือ
๑. เสด็จลงสู่พระครรภ์
๒. ประสูติ
๓. ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
๔. แสดงปฐมเทศนา
๕. ปลงอายุสังขาร
๖. นิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพาน) ๑๑๗. พระองค์แสดงที่ให้พระอานนท์ ทูลเชิญอาราธนาให้ดำรงพระชนม์ต่อไปกี่แห่ง ? (๑๖ แห่ง)
๑๑๘. ใครถวายบิณฑบาตแก่พระองค์เมื่อวันจะนิพพาน และถวายอะไร ? (นายจุนทะ ถวายเนื้อสุกรอ่อน)
๑๑๙. ใครถวายผ้าสิงคิวรรณแก่พระองค์ และพระอานนท์
(ปุกกุสะ บุตรของชาวมัลลกษัตริย์)
๑๒๐. พระศาสดามีกายผุดผ่องกี่ครั้ง ? (๒ ครั้ง คือในราตรีวันตรัสรู้ และในราตรีวันจะปรินิพพาน)
๑๒๑. บิณฑบาตที่มีอานิสงส์มาก มีกี่ครั้ง ใครถวาย ? (มี ๒ ครั้ง คือ
๑. บิณฑบาตที่พระศาสดาเสวยแล้วตรัสรู้ นางสุชาดาถวาย
๒. บิณฑบาตที่เสวยแล้วปรินิพพาน นายจุนนทะถวาย)
๑๒๒. พระพุทธเจ้านิพพานที่ไหน มีพระอาการอย่างไร ? (ที่สาลวัน เมืองกุสินารา ใต้ต้นสาละทั้งคู่ โดยหันพระเศียรไปทางทิศอุดร ทรงสีหไสยาสน์ข้างขวาด้วยอาการสงบ)
๑๒๓. บูชาพระพุทธเจ้าด้วยอามิส และปฏิบัติบูชา อย่างไหน ชื่อว่าบูชาอย่างแท้จริง ? (ปฏิบัติบูชา)
๑๒๔. สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล คือที่ไหนบ้าง ?
(คือ ๑. สถานที่ประสูติ ที่สวนลุมพินี
๒. สถานที่ตรัสรู้ ที่ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม
๓. สถานที่แสดงปฐมเทศนา ที่ป่าอิสิปตน-มฤคทายวัน
๔. สถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพาน ที่สาล -วโนทยาน เมืองกสินารา)
๑๒๕. ภิกษุสงฆ์พึงปฏิบัติในสตรีทั้งหลายอย่างไร ? (ปฏิบัติอย่างนี้ คือ
๑. ไม่เห็นเสียเลย เป็นการดี
๒. ถ้าเห็นไม่ควรเจรจา
๓. ถ้าเจรจาต้องมีสติ)
๑๒๖. ผู้ที่ควรจะทำสถูปไว้ให้คนทั่วไปได้สักการะบูชา เรียกว่าอย่างไร มีใครบ้าง ?(เรียกว่าถูปารหบุคคล มี๔ คือ
๑๒๑. บิณฑบาตที่มีอานิสงส์มาก มีกี่ครั้ง ใครถวาย ? (มี ๒ ครั้ง คือ
๑. บิณฑบาตที่พระศาสดาเสวยแล้วตรัสรู้ นางสุชาดาถวาย
๒. บิณฑบาตที่เสวยแล้วปรินิพพาน นายจุนนทะถวาย)
๑๒๒. พระพุทธเจ้านิพพานที่ไหน มีพระอาการอย่างไร ? (ที่สาลวัน เมืองกุสินารา ใต้ต้นสาละทั้งคู่ โดยหันพระเศียรไปทางทิศอุดร ทรงสีหไสยาสน์ข้างขวาด้วยอาการสงบ)
๑๒๓. บูชาพระพุทธเจ้าด้วยอามิส และปฏิบัติบูชา อย่างไหน ชื่อว่าบูชาอย่างแท้จริง ? (ปฏิบัติบูชา)
๑๒๔. สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล คือที่ไหนบ้าง ?
(คือ ๑. สถานที่ประสูติ ที่สวนลุมพินี
๒. สถานที่ตรัสรู้ ที่ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม
๓. สถานที่แสดงปฐมเทศนา ที่ป่าอิสิปตน-มฤคทายวัน
๔. สถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพาน ที่สาล -วโนทยาน เมืองกสินารา)
๑๒๕. ภิกษุสงฆ์พึงปฏิบัติในสตรีทั้งหลายอย่างไร ? (ปฏิบัติอย่างนี้ คือ
๑. ไม่เห็นเสียเลย เป็นการดี
๒. ถ้าเห็นไม่ควรเจรจา
๓. ถ้าเจรจาต้องมีสติ)
๑๒๖. ผู้ที่ควรจะทำสถูปไว้ให้คนทั่วไปได้สักการะบูชา เรียกว่าอย่างไร มีใครบ้าง ?(เรียกว่าถูปารหบุคคล มี๔ คือ
๑. พระพุทธเจ้า
๒. พระปัจเจกพุทธเจ้า
๓. พระอรหันตสาวก
๔. พระเจ้าจักรพรรดิราช)
๑๒๗. ปัจฉิมสาวก คือใคร ? (สุภัททปริพพาชก)
๑๒๘. สุภัททปริพพาชก ใครเป็นผู้บวชให้ ? (พระอานนท์)
๑๒๙. พระศาสดาก่อนปรินิพพาน ได้ตรัสบอกภิกษุสงฆ์ทำอะไรแก่พระฉันนะ ? (ลงพรหมทัณฑ์)
๑๓๐. ปัจฉิมโอวาทของพระพุทธองค์ มีเนื้อความว่าอย่างไร ? (ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราขอเตือนท่านทั้งหลายว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมความฉิบหายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังประโยชน์ตนและผู้อื่นให้บริบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด)
๑๓๑. พระศาสดานิพพานระหว่างเข้าฌานอะไร กับฌานอะไร ? (ในระหว่างจตุตถฌาน กับอากาสานัญจายตนะต่อกัน)
๑๓๒. ใครบอกว่า พระองค์นิพพานระหว่างฌานนั้น ? (พระอนุรุทธ)
๑๓๓. ตอนพระองค์นิพพาน มีพระเถระผู้ใหญ่กี่รูป ? (มี ๒ รูป คือพระอนุรุทธ กับพระอานนท์)
๑๓๔. เหตุไร พระองค์จึงเสด็จไปนิพพานที่เมืองกุสินารา ?
(เพราะเป็นเมืองที่รุ่งเรืองมาก่อน สมบูรณ์ด้วยสมบัติทุกอย่าง)
๑๓๕. เมื่อจะนิพพาน พระองค์ได้ให้ผู้ใดเป็นผู้แทนพระองค์ หรือตรัสสั่งไว้อย่างไร ? (มิได้มอบให้พระเถระรูปใดเป็นผู้แทนพระองค์ แต่ตรัสให้พระธรรมวินัยเป็นผู้แทนพระองค์
อปรกาล (เหตุการณ์ภายหลังปรินิพพาน)
๑๓๖. พระสรีระของพระองค์ได้ถูกอัญเชิญไปดิษฐาน เพื่อถวายพระเพลิง ณ ที่ใด ? (ณ มกุฏพันธนเจดีย์ ด้านตะวันออกของกรุงกุสินารา)
๑๓๗. หลังจากนิพพานแล้วกี่วัน จึงถวายพระเพลิง ? (๘ วัน) ๑๓๘. เมื่อจะถวายพระเพลิงพระมหากัสสปะพร้อมด้วยบริวาร มาจากเมืองไหน ? (เมืองปาวา)
๑๓๙. ถวายพระเพลิงแล้ว มีอะไรเหลือบ้าง ? (มีพระอัฏฐิ, เกศา, โลมา, ทันตา, กับผ้าอีกครู่หนึ่งเหลืออยู่)
๒. พระปัจเจกพุทธเจ้า
๓. พระอรหันตสาวก
๔. พระเจ้าจักรพรรดิราช)
๑๒๗. ปัจฉิมสาวก คือใคร ? (สุภัททปริพพาชก)
๑๒๘. สุภัททปริพพาชก ใครเป็นผู้บวชให้ ? (พระอานนท์)
๑๒๙. พระศาสดาก่อนปรินิพพาน ได้ตรัสบอกภิกษุสงฆ์ทำอะไรแก่พระฉันนะ ? (ลงพรหมทัณฑ์)
๑๓๐. ปัจฉิมโอวาทของพระพุทธองค์ มีเนื้อความว่าอย่างไร ? (ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราขอเตือนท่านทั้งหลายว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมความฉิบหายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังประโยชน์ตนและผู้อื่นให้บริบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด)
๑๓๑. พระศาสดานิพพานระหว่างเข้าฌานอะไร กับฌานอะไร ? (ในระหว่างจตุตถฌาน กับอากาสานัญจายตนะต่อกัน)
๑๓๒. ใครบอกว่า พระองค์นิพพานระหว่างฌานนั้น ? (พระอนุรุทธ)
๑๓๓. ตอนพระองค์นิพพาน มีพระเถระผู้ใหญ่กี่รูป ? (มี ๒ รูป คือพระอนุรุทธ กับพระอานนท์)
๑๓๔. เหตุไร พระองค์จึงเสด็จไปนิพพานที่เมืองกุสินารา ?
(เพราะเป็นเมืองที่รุ่งเรืองมาก่อน สมบูรณ์ด้วยสมบัติทุกอย่าง)
๑๓๕. เมื่อจะนิพพาน พระองค์ได้ให้ผู้ใดเป็นผู้แทนพระองค์ หรือตรัสสั่งไว้อย่างไร ? (มิได้มอบให้พระเถระรูปใดเป็นผู้แทนพระองค์ แต่ตรัสให้พระธรรมวินัยเป็นผู้แทนพระองค์
อปรกาล (เหตุการณ์ภายหลังปรินิพพาน)
๑๓๖. พระสรีระของพระองค์ได้ถูกอัญเชิญไปดิษฐาน เพื่อถวายพระเพลิง ณ ที่ใด ? (ณ มกุฏพันธนเจดีย์ ด้านตะวันออกของกรุงกุสินารา)
๑๓๗. หลังจากนิพพานแล้วกี่วัน จึงถวายพระเพลิง ? (๘ วัน) ๑๓๘. เมื่อจะถวายพระเพลิงพระมหากัสสปะพร้อมด้วยบริวาร มาจากเมืองไหน ? (เมืองปาวา)
๑๓๙. ถวายพระเพลิงแล้ว มีอะไรเหลือบ้าง ? (มีพระอัฏฐิ, เกศา, โลมา, ทันตา, กับผ้าอีกครู่หนึ่งเหลืออยู่)
๑๔๐. เมื่อถวายพระเพลิงแล้ว มีเมืองต่างๆกี่เมืองที่ส่งทูตมาขอพระอัฏฐิ ? (มี ๗ เมือง)
๑๔๒. กษัตริย์เมืองไหนที่ได้พระอังคารไป ? (โมริยกษัตริย์ เมืองปิปผลิวัน)
๑๔๓. การถวายพระเพลิง ทำกันอย่างไร ? (หุ้มด้วยผ้าขาวมีสำลีซับถึง ๕๐๐ ชั้น แล้วบรรจุลงในรางเหล็ก)
ปัญหาที่สนามหลวงชอบออก
๑๔๔. พระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในวงศ์อะไร ? (ในศากยวงศ์)
๑๔๕. พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร จึงได้นามว่า “อรหํ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ” ? (ตรัสรู้อริยสัจ ๔ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค)
๑๔๖. เจดีย์ ๔ ประเภท อันเป็นเครื่องระลึกถึงพระพุทธเจ้า มีอะไรบ้าง ? (คือ ๑ ธาตุเจดีย์ ๒ . บริโภคเจดีย์ ๓. ธรรมเจดีย์ ๔. อุทเทสิกเจดีย์)
๑๔๗. อุปสมบทกรรมมีกี่อย่าง อะไรบ้าง ? (มี ๓ อย่าง คือ ๑. เอหิภิกขุอุปสัมปทา ๒. ติสรณคมนูปสัมปทา ๓. ญัตติจตุตถกรรม)
๑๔๘. ทรงปรารภเหตุอะไร จึงเสด็จออกบรรพชา ? (ปรารภ ความแก่ ความเจ็บ และความตาย)
๑๔๙. อภิญญาเทสิตธรรม คืออะไรบ้าง ? (คือสติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน๔ อิทธิบาท๔ อินทรีย์๕ พละ๕ โพชฌงค์๗ มรรค๘)
๑๕๐. เสด็จนิพพานที่เมืองไหน ประชวรพระโรคอะไร เก็บไว้นานเท่าไรจึงถวายพระเพลิง ? (ที่เมืองกุสินารา ประชารพระโรคลงพระโลหิต เก็บพระศพไว้ ๘ วัน จึงถวายพระเพลิง)
๑๕๑. เมื่อพระองค์นิพพานแล้ว ใครเป็นผู้จัดการพุทธสรีระ จัดตามแบบไหน ? (พวกมัลลกษัตริย์ จัดตามแบบพระบรมศพพระเจ้าจักรพรรดิ)
๑๔๒. กษัตริย์เมืองไหนที่ได้พระอังคารไป ? (โมริยกษัตริย์ เมืองปิปผลิวัน)
๑๔๓. การถวายพระเพลิง ทำกันอย่างไร ? (หุ้มด้วยผ้าขาวมีสำลีซับถึง ๕๐๐ ชั้น แล้วบรรจุลงในรางเหล็ก)
ปัญหาที่สนามหลวงชอบออก
๑๔๔. พระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในวงศ์อะไร ? (ในศากยวงศ์)
๑๔๕. พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร จึงได้นามว่า “อรหํ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ” ? (ตรัสรู้อริยสัจ ๔ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค)
๑๔๖. เจดีย์ ๔ ประเภท อันเป็นเครื่องระลึกถึงพระพุทธเจ้า มีอะไรบ้าง ? (คือ ๑ ธาตุเจดีย์ ๒ . บริโภคเจดีย์ ๓. ธรรมเจดีย์ ๔. อุทเทสิกเจดีย์)
๑๔๗. อุปสมบทกรรมมีกี่อย่าง อะไรบ้าง ? (มี ๓ อย่าง คือ ๑. เอหิภิกขุอุปสัมปทา ๒. ติสรณคมนูปสัมปทา ๓. ญัตติจตุตถกรรม)
๑๔๘. ทรงปรารภเหตุอะไร จึงเสด็จออกบรรพชา ? (ปรารภ ความแก่ ความเจ็บ และความตาย)
๑๔๙. อภิญญาเทสิตธรรม คืออะไรบ้าง ? (คือสติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน๔ อิทธิบาท๔ อินทรีย์๕ พละ๕ โพชฌงค์๗ มรรค๘)
๑๕๐. เสด็จนิพพานที่เมืองไหน ประชวรพระโรคอะไร เก็บไว้นานเท่าไรจึงถวายพระเพลิง ? (ที่เมืองกุสินารา ประชารพระโรคลงพระโลหิต เก็บพระศพไว้ ๘ วัน จึงถวายพระเพลิง)
๑๕๑. เมื่อพระองค์นิพพานแล้ว ใครเป็นผู้จัดการพุทธสรีระ จัดตามแบบไหน ? (พวกมัลลกษัตริย์ จัดตามแบบพระบรมศพพระเจ้าจักรพรรดิ)
๑๕๑. โทณพราหมณ์ได้กล่าวสุนทรพจน์ ในวันแจกพระบรมสารีริกธาตุ ใจความย่อพอถือคติว่าอย่างไร ?
( ก. แถลงว่า พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญขันติธรรม และตำหนิในการทำสงครามกัน
ข. ชวนให้สามัคคีร่วมใจกัน แล้วแบ่งส่วนพระบรมสารีริกธาตุให้นำไปประดิษฐานในนานาประเทศ)
๑๕๒. ในพรรษาแรก ตรัสสอนธรรมอะไรบ้าง ?
( ๑. ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
๒. อนัตตลักขนสูตร
๓. อนุปุพพิกถา
๔. อริยสัจ
๕. ปกิณกเทศนา)
๑๕๓.ระบบการปกครองประเทศชาติของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างไร ? (ปกครองโดสามัคคีธรรม)
๑๕๔. ธรรมอะไรบ้างที่เรียกว่า “อริยธรรม” ? (ศีล สมาธิ ปัญญา และวิมุตติ เรียกว่า อริยธรรม)
๑๕๕. วัดแรกในพระพุทธศาสนา ชื่ออะไร ตั้งอยู่ที่ไหน ใครเป็นผู้ถวาย ? (ชื่อวัดเวฬุวัน ตั้งอยู่ที่อุทยานเวฬุวัน ใกล้กรุงราชคฤห์ พระเจ้าพิมพิสารถวาย)
๑๕๖. ปาวาลเจดีย์ มกุฏพันธนเจดีย์ และอานันทเจดีย์ เกี่ยวข้องกับพระศาสดาอย่างไร ? (ปาวาลเจดีย์ เป็นที่ทรงปลงพระชนมายุสังขาร มกุฏพันธนเจดีย์ เป็นที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ อานันทเจดีย์ เป็นที่แสดงมหาประเทศ) ๑๕๗. ใครเป็นปฐมสาวกและปัจฉิมสาวก ? (พระอัญญาโกณฑัญญะ เป็นปฐมสาวก พระสุภัททะ(ปริพพาชก) เป็นปัจฉิมสาวก)
๑๕๘. ก่อนที่พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลก ประชาชนนับถือศาสนาอะไร ? (ศาสนาพราหมณ์)
๑๕๙. อนุปุพพิกถา คืออะไรบ้าง ทรงแสดงแก่ใคร ที่ไหนเป็นครั้งแรก ? (คือ ทาน ศีล สวรรค์ กามาทีนพ และเนกขัมมานิสงส์ ทรงแสดงแก่พระยส ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เป็นครั้งแรก)
๑๖๐. ทรงแสดงอนุปุพพิกถา แก่คนผู้พร้อมด้วยองค์อะไรบ้าง ? (พร้อมด้วยองค์ ๓ คือ ๑. เป็นมนุษย์ ๒. เป็นคฤหัสถ์ ๓. มีอุปนิสัยแก่กล้าควรบรรลุโลกุตตรธรรม)
๑๖๑. ปฐมเทศนา ปัจฉิมเทศนา ได้แก่เทศนาอะไร ? (ปฐมเทศนา ได้แก่ พระธัมมจักกัปปวัตตนสูตรฯ ปัจฉิมเทศนา ได้แก่อัปปมาทธรรม)
๑๖๒. การทำสังคายนา ให้เกิดประโยชน์แก่ศาสนาอย่างไร
(ให้ประโยชน์ดังนี้
๑. กำจัดเสี้ยนหนามของพระศาสนาให้สูญสิ้นไป
๒. ให้จัดระเบียบวางรูปการศาสนาให้เป็นไปตามธรรมวินัย
๓. สืบอายุพระศาสนาให้ดำรงอยู่ได้นาน)
( ก. แถลงว่า พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญขันติธรรม และตำหนิในการทำสงครามกัน
ข. ชวนให้สามัคคีร่วมใจกัน แล้วแบ่งส่วนพระบรมสารีริกธาตุให้นำไปประดิษฐานในนานาประเทศ)
๑๕๒. ในพรรษาแรก ตรัสสอนธรรมอะไรบ้าง ?
( ๑. ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
๒. อนัตตลักขนสูตร
๓. อนุปุพพิกถา
๔. อริยสัจ
๕. ปกิณกเทศนา)
๑๕๓.ระบบการปกครองประเทศชาติของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างไร ? (ปกครองโดสามัคคีธรรม)
๑๕๔. ธรรมอะไรบ้างที่เรียกว่า “อริยธรรม” ? (ศีล สมาธิ ปัญญา และวิมุตติ เรียกว่า อริยธรรม)
๑๕๕. วัดแรกในพระพุทธศาสนา ชื่ออะไร ตั้งอยู่ที่ไหน ใครเป็นผู้ถวาย ? (ชื่อวัดเวฬุวัน ตั้งอยู่ที่อุทยานเวฬุวัน ใกล้กรุงราชคฤห์ พระเจ้าพิมพิสารถวาย)
๑๕๖. ปาวาลเจดีย์ มกุฏพันธนเจดีย์ และอานันทเจดีย์ เกี่ยวข้องกับพระศาสดาอย่างไร ? (ปาวาลเจดีย์ เป็นที่ทรงปลงพระชนมายุสังขาร มกุฏพันธนเจดีย์ เป็นที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ อานันทเจดีย์ เป็นที่แสดงมหาประเทศ) ๑๕๗. ใครเป็นปฐมสาวกและปัจฉิมสาวก ? (พระอัญญาโกณฑัญญะ เป็นปฐมสาวก พระสุภัททะ(ปริพพาชก) เป็นปัจฉิมสาวก)
๑๕๘. ก่อนที่พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลก ประชาชนนับถือศาสนาอะไร ? (ศาสนาพราหมณ์)
๑๕๙. อนุปุพพิกถา คืออะไรบ้าง ทรงแสดงแก่ใคร ที่ไหนเป็นครั้งแรก ? (คือ ทาน ศีล สวรรค์ กามาทีนพ และเนกขัมมานิสงส์ ทรงแสดงแก่พระยส ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เป็นครั้งแรก)
๑๖๐. ทรงแสดงอนุปุพพิกถา แก่คนผู้พร้อมด้วยองค์อะไรบ้าง ? (พร้อมด้วยองค์ ๓ คือ ๑. เป็นมนุษย์ ๒. เป็นคฤหัสถ์ ๓. มีอุปนิสัยแก่กล้าควรบรรลุโลกุตตรธรรม)
๑๖๑. ปฐมเทศนา ปัจฉิมเทศนา ได้แก่เทศนาอะไร ? (ปฐมเทศนา ได้แก่ พระธัมมจักกัปปวัตตนสูตรฯ ปัจฉิมเทศนา ได้แก่อัปปมาทธรรม)
๑๖๒. การทำสังคายนา ให้เกิดประโยชน์แก่ศาสนาอย่างไร
(ให้ประโยชน์ดังนี้
๑. กำจัดเสี้ยนหนามของพระศาสนาให้สูญสิ้นไป
๒. ให้จัดระเบียบวางรูปการศาสนาให้เป็นไปตามธรรมวินัย
๓. สืบอายุพระศาสนาให้ดำรงอยู่ได้นาน)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น