จารุวณฺโณภิกฺขุ

จารุวณฺโณภิกฺขุ
สังกัดสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

วันพฤหัสบดีที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2551

การบวชพระ

การบวชพระ
         การบวช คือ เมื่อตกลงกันว่าจะเป็นพระแล้ว ผู้ใหญ่ บิดา มารดาเมื่อผู้ชายอายุครบ ๒๑ ปีบริบูรณ์ ก็ถือว่าเข้าเขตวัยผู้ใหญ่ จะต้องมีความรับผิดชอบที่จะครองตน และสร้างหลักฐานต่อไป จึงจำเป็นต้องมีความรู้ถึงความจริงในโลกที่เต็มไปด้วยอารมณ์ต่างๆ ซึ่งจะเกิดจากสุข ทุกข์ การบวชพระ จะเป็นการรักษาอารมณ์ที่จะทำให้มนุษย์ไปสู่ทางที่ดีหรือผู้ปกครอง ที่จัดการให้ผู้จะบวชนำดอกไม้ ธูปเทียน แพ ใส่พานไปบอกกล่าวผู้ที่นับถือหรือวงศาคณาญาติเรียกกันว่าไป"ลาบวช" การจัดงานบวชของคนไทยโดยทั่วไปก็จะจัดก่อนวันบวช ๑ วัน เรียกว่าวันสุกดิบ วันนี้จะมีการทำขวัญนาค ผู้บวชจะโกนหัว โกนคิ้ว โกนหนวด ตัดเล็บ นุ่งผ้าด้วยเครื่องแต่งกายที่งดงามมีแก้วแหวนเงินทองต่าง ๆ อันแสดงถึงสิ่งที่ฟุ้งเฟ้อทางโลก นุ่งจีบด้วยผ้ายกทอง ใส่เสื้อครุยปักทองสไบเฉียงทางไหล่ซ้าย คาดเข็มขัดหัวเพชร ใส่แหวนครบ ๘ นิ้ว ตัวนาคจะนั่งหน้าโต๊ะบายศรีตามพิธีพราหมณ์ ผู้เฒ่าก็จะตั้งต้นอ่านคำทำขวัญนาคเป็นทำนอง มีเนื้อความอธิบายถึงชีวิตคนตั้งแต่แรกเกิดมีพ่อแม่บำรุงเลี้ยงดูด้วยความยากลำบากจนถึงเป็นผู้ใหญ่ พ่อแม่มีความปรารถนาให้ลูกเป็นคนดี บัดนี้ก็สมใจแล้วที่เจ้านาคจะอุปสมบทในพระพุทธศาสนา นับเป็นความดีอันสูงสุดที่จะเป็นมงคลต่อชีวิตตนต่อไป
        เมื่อวันรุ่งขึ้นเป็นวันบวช นาคก็จะแต่งตัวเหมือนวันทำขวัญนาค บางคนก็ขึ้นหลังม้าตามแบบพระศาสดาออกบวช เข้าขบวนแห่มี ไตร บาตร บริขาร ๘ ดอกไม้ ธูป เทียน พร้อมด้วยวงศาคณาญาติไปวัด พอถึงวัดบิดาหรือผู้ปกครองของนาคก็จะจูงแขนเข้าโบสถ์ เป็นการแสดงความยินดีชื่นชมแล้วส่ง
ไตรครองให้นาค นาครับไตรแล้วจะนำไตรไปถวายอุปัชฌาย์ และกราบลง ๓ หน ถวายดอกไม้ธูปเทียนแล้วกล่าวคำของบรรพชาคือ บวชเณร ( พระที่บวชเป็นสงฆ์จะต้องบวชเป็นเณรมาก่อนเพื่อจะได้รู้และ
คุ้นเคยกับคติของวัด ) ผู้เป็นเณรแล้วก็บวชพระได้เลย