จารุวณฺโณภิกฺขุ

จารุวณฺโณภิกฺขุ
สังกัดสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

คำกลอนวันแม่แห่งชาติ

กลอนวันแม่แห่งชาติ 
โอ้ละเห่-ฟูมฟักด้วยรักเจ้า
เมื่อยามเยาว์แม่ถนอมกล่อมจอมขวัญ
เอื้ออาทร-ร้อนร้าย แม่คลายพลัน
ภัยกางกั้นแม่กล้าฟันฝ่าไป

หวังเพียงแค่ คนดีที่แม่รัก
จะมีหลักอนาคตที่สดใส
ยอมลำบากยากเย็นทุกข์เข็ญใจ
ด้วยสายใยรักแน่น ไม่แคลนคลอน
แม่จ๋าล้านความรักจากใครเขา
หลอมรวมเข้าอาจแกร่งยิ่งดั่งสิงขร
แต่… “รักหญิงที่ขนานนาม มารดร
แกร่งแน่นอน..กว่าสิ่งใดในโลกา

แม่จ๋าแม่คือหญิงที่ยิ่งใหญ่
เหนือเทพไท้ ทั้งสามภพจบทั่วหล้า
พระคุณล้นเกินรำพันจำนรรจา
พรรณนาเทียบได้ไม่เพียงพอ

จะหาทิพย์จากสวรรค์ ณ ชั้นสรวง
กรองเป็นพวงแทนพลอยทำสร้อยศอ
หรือหยิบดาวพราวฟ้ามาทักทอ
แทนป่านปอ….เป็นของขวัญนั้นด้อยไป

โอ้ละเห่..ที่ฟูมฟัก ลูกรักแม่
สัญญาแน่..เป็นคนดีมิเผลอไผล
เพื่อทดแทนคุณความรักจากดวงใจ
กราบด้วย มาลัยอักษราบูชาเอย

กลิ่นความรักหอมนวลอวลไออุ่น
มือละมุนเนียนนุ่มอุ้มโอบขวัญ
ทะนุถนอมตระกรองกอดยอดชีวัน
ประครองป้องผองภยันอันตราย

กี่สิบถ้อยร้อยคำรำพันพรอด
ที่ถ่ายทอด คำรักหลากความหมาย
กี่เปรียบเปรยสรรหามาบรรยาย
ฤาเทียบสายใยรักจากมารดา

ครั้งที่ลูกยังเป็นเด็ก เล็กเล็กอยู่
แม่คือ ครูสอนอ่านเขียนเรียนภาษา
ให้คำเตือนเสมือนแสงแห่งปัญญา
ให้วิชาคือ รู้คิดที่ติดตน

ยามลูกเหนื่อยอนาทรแสนอ่อนล้า
ต้องการคำปรึกษาหาเหตุผล
แล้วหันมองรอบกายคล้ายมืดมน
ยังพบคนหนึ่งคือแม่คอยแลมอง

แม่จ๋าแม่คือยอดสตรีที่ประเสริฐ
แม่เลอเลิศหนึ่งในใจไม่เป็นสอง
แม่สูงค่ากว่าหยาดเพชรเกร็ดสีทอง
เกินยกย่องด้วยล้านคำพร่ำพรรณนา

หอมกลิ่นความรักนวลอวลไออุ่น
ระลึกคุณ แม่โอบอุ้มคุ้มเกศา
มือของลูกจึงเรียงร้อยถ้อยวาจา
เป็นมาลาหอม รักกราบจากใจ

กรองวจีเรียงถ้อยร้อยความรัก
บรรจงถักคำหวานผ่านอักษร
แทนมาลามะลิสวยด้วยบทกลอน
กราบ มารดรด้วยรักมั่น กตัญญุตา

หากค้นหาความรักจากทุกภพ
หลอมบรรจบเป็นรักที่มากค่า
รักของแม่แม้ล้านคำพร่ำพรรณนา
มิอาจหาเปรยเปรียบเทียบทดแทน

ลูกกี่คน… “แม่เลี้ยง-รักไม่พัก-ผ่อน
ถึงเดือดร้อนเหนื่อยยากลำบากแสน
ให้ลูกอิ่มแม้อัตคัดจนขาดแคลน
จะแร้นแค้นซูบเพียงกายรักไม่จาง

ชีวิตลูกที่ดำเนินเดินถูกต้อง
เพราะแม่ประคับประคองไม่เหินห่าง
ยามลูกเดินหลงทิศผิดเส้นทาง
แม่คือเทียนส่องสว่างกลางดวงใจ

แม่จ๋าแม่พร่ำสอนคือพรประเสริฐ
เป็น พรเลิศผ่องพิสุทธิ์ดุจแก้วใส
ด้วยไม่มีเคลือบแคลงแฝงเภทภัย
ลูกจดจำรำลึกไว้ใช้เตือนตน

กรองวจีเรียงถ้อยร้อยความรัก
บรรจงถักเป็นสร้อยคำ”…ที่งามล้น
สื่ออักษรกลอน รักจากกมล
บูชา แม่”…”หญิงยอดคน”…หนึ่งในใจ

มะลิหอมน้อมวางข้างข้างตัก
กรุ่นกลิ่น รักบริสุทธิ์ผุดผ่องใส
แทนทุกคำทุกถ้อยร้อยจากใจ
เป็นมาลัย กราบแม่พร้อมน้อมบูชา

กี่พระคุณจากใครอื่นนับหมื่นแสน
อาจทนแทนเปรยเปรียบเทียบคุณค่า
แต่พระคุณหนึ่งหยดน้ำนมมารดา
ทั้งสามภพจบหล้าหาเทียมทัน

ลูกไม่อาจเอ่ยแสดงแถลงถ้อย
หรือเรียงร้อยพจนามาเสกสรรค์
เพื่อบรรยายพระคุณนี้ที่ อนันต์
จึงตั้งมั่น กตัญญุตาตลอดไป

หนึ่งคำ รักลูกรักแม่ แม้ค่าน้อย
ต่างเพชรพลอย ตีราคาค่ามิได้
แต่แม่จ๋า… “รักที่หนึ่งของหัวใจ
มิใช่ใคร ลูก รัก แม่แน่นิรันดร์

กลอนวันแม่..
พระคุณแม่ยิ่งใหญ่หาใดเทียบ
มิอาจเปรียบแม้ภูผาชลาสินธุ์
น้ำนมที่กลั่นให้ลูกได้ดื่มกิน
ลูกถวิลถึงคุณค่าว่าอนันต์
แม่เหน็ดเหนื่อยเริ่มแต่แม่ตั้งท้อง
เฝ้าประคองทั้งดวงใจไม่เหหัน
ทำทุกอย่างเพื่อลูกยาสารพัน
แม้คืนวันผันผ่านนานนับปี
ตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ได้เรียนรู้
แม่เฝ้าดูอยู่ข้างกายไม่หน่ายหนี
อยากเห็นลูกสุขสบายในชีวี
เป็นคนดีที่สังคมนั้นชมเชย
เหงื่อท่วมกายไม่เคยท้อแม้อ่อนล้า
หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินแม่เมินเฉย
ลูกซาบซึ้งในบุญคุณมิลืมเลย
ขอชดเชยแทนทดจนหมดใจ…..

วันแม่มาถึง
คำนึงพระคุณ
ส่งเรียนเกื้อหนุน
พระคุณใหญ่หลวง

ใครกันหนอรักเราเท่าชีวิต
ไม่ปกปิดบอกได้เลยว่าแม่ฉัน
ใครกันหนอรักเราทุกคืนวัน
ก็แม่ฉันอีกนั่นแหละมิเสื่อมคลาย

พระคุณแม่รีมิก
2 มือนั้น  ประกบลง  พนมไหว้
ด้วยหัวใจ  ที่คงรัก  แม่เสมอ
แม่เจ็บช้ำ  เศร้าใจ  นอนละเมอ
ลูกพร่ำเพ้อ  แค่ไหน  แม่เตือนเอา
ครบกำหนด  ลูกเกิด  วันแม่เจ็บ
แม่ทนเก็บ  ความเศร้า  ลูกสมหวัง
ลูกผิดพลาด  ทุกอย่าง  แม่รับฟัง
ลูกสมหวัง  แม่มีสุข  หมดทุกข์ใจ
เวลาผ่าน  ล่วงเลย  แม่แก่เฒ่า
แล้วใครเล่า  จะดูแล  แม่คืนมั่ง
ไม่ใช่เรา  แล้วคนไหน  จะมาทำ
คิดจดจำ  ทบทวน  ที่ผ่านมา
ถึงเวลา  ลูกตอบแทน  พระคุณแม่
ไม่ใช่แค่  ดูแล  และห่วงหา
ยังไม่สาย  ที่จะกลับ  กอดมารดา
ตอบแทนค่า  น้ำนม  ก้มกราบเอย

กลอนวันแม่ 12 สิงหาคม
มาลัยอักษราบูชาแม่
อุ่นไอรักจากแม่
แม่หญิงยอดคน
ของขวัญจากลูก
พระคุณแม่

คาถาป้องกันตัว

คาถากันงู
ปัญหา เวลาเราเดินทางในป่า หรือเดินทางในยามค่ำคืน
จะทำอย่างไรจึงจะไม่ถูกงูกัด ? พุทธดำรัสตอบ (ภิกษุรูปหนึ่งถูกงูกัดตาย มีคนไปกราบทูลให้พระพุทธองค์ทรงทราบ พระพุทธองค์ตรัสว่า) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นชะรอยจะไม่ได้แผ่เมตตาจิตไปยังสกุลพญางูทั้ง ๔ เป็นแน่ ถ้าเธอพึงแผ่เมตตาจิตไปยังสกุลพญางูทั้ง ๔ ไซร้ เธอก็ไม่พึงถูกงูกัด กาละ (ตาย) ตระกูลพญางูทั้ง ๔ คือตระกูลพญางูชื่อวิรูปักข์ ๑ ตระกูลพญางูชื่อเอราปถะ ๑ ตระกูลพญางูชื่อฉัพยาปุตตะ ๑ ตระกูลพญางูชื่อกัณหาโคตมกะ ๑ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุแผ่เมตตาจิตไปยังตระกูลพญางู ทั้ง ๔ จำพวกนี้เพื่อคุ้มครองตน เพื่อรักษาตน เพื่อป้องกันตน
อหิสูตร จ. อํ. (๖๗)
ตบ. ๒๑ : ๙๔ ตท. ๒๑ : ๘๓-๘๔
ตอ. G.S. II : ๘๑-๘๒