หน้าเว็บ
วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2555
วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2555
เข้าปริวาสกรรม 2555
ฮีตที่ 1
บุญเข้ากรรม (บุญเดือนอ้าย)
ความสำคัญและความหมาย
บุญเข้ากรรม คือบุญที่ทำขึ้นในเดือนอ้าย (เดือนเจียง) ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีที่ชาวอีสานจะต้องประกอบพิธีบุญกันจนเป็นประเพณีซึ่งอาจจะเป็นข้างขึ้นหรือข้างแรมก็ได้ พิธีบุญนี้จะเกี่ยวกับพระโดยตรงซึ่งความจริงน่าจะเป็นเรื่องของสงฆ์โดยเฉพาะ แต่มีความเชื่อกันว่าเมื่อทำบุญกับพระที่ทำพิธีนี้จะทำให้ได้อนิสงส์มาก ญาติโยมจึงคิดวันทำบุญเข้ากรรมขึ้น
บุญเข้ากรรมที่บอกว่าเป็นบุญสำหรับพระโดยตรงนั้นเพราะเป็นกิจกรรมที่ต้องการทำเพื่อให้พระที่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส (อาบัติหนักรองจากปาราชิก) ซึ่งถือว่าเป็นการครุกาบัติประเภทหนึ่ง ภิกษุเมื่อต้องอาบัตินี้ แล้วจะต้องทำพิธีที่เรียกว่า วุฏฐานพิธีหรือพิธีเข้ากรรมตามที่ชาวพุทธทั่วไปรู้จักกัน
วุฏฐานพิธีแปลว่าระเบียบอันเป็นเครื่องออกจากอาบัติซึ่งมีพิธีปริวาสมานัตต์ ปฏิกัสสนาและอัพภาน อันเป็นขั้นตอนและพิธีกรรมเกี่ยวกับการอยู่กรรมของพระ การเข้ากรรมจัดทำโดยพระสงฆ์เข้าไปอยู่ในเขตหรือที่จำกัดเพื่อทรมานร่างกายให้หายจากกรรมหรือพ้นจากอาบัติที่ได้กระทำและเป็นการชำระจิตใจให้หายจากมัวหมองด้วย บางแห่งถือกันว่า เมื่อบวชแล้วจะแทนคุณมารดาได้ก็จะต้องอยู่กรรมเพราะมารดาท่านเคยอยู่กรรมมาแล้ว ซึ่งชาวอีสานเวลาคลอดลูกใหม่จะต้องนอนผิงไฟ อาบ และดื่มน้ำร้อนอยู่กินอย่างคะลำ (ห้ามกินของแสลง) เป็นการทรมานร่างกายอย่างหนึ่งเรียกว่าการอยู่กรรม
มูลเหตุและความเป็นมา ที่พระภิกษุจะต้องมีการเข้ากรรม มีเรื่องเล่าว่า ครั้งหนึ่งมี
พระภิกษุรูปหนึ่ง ล่องเรือไปตามแม่น้ำคงคา ได้เอามือไปจับใบตะไคร่น้ำขาดเข้าใจว่าเป็นอาบัติเพียงเล็กน้อยจึงไม่ได้แสดงอาบัติ ต่อมาแม้ว่าพระภิกษุรูปนั้นจะต้องปฏิบัติธรรมอยู่ในป่าเป็นเวลานานก็ยังคงนึกอยู่เสมอว่า ตนต้องอาบัติอยากจะใคร่แสดงอาบัติแต่ไม่มีพระภิกษุรับแสดง ครั้นเมื่อพระภิกษุรูปที่กล่าวมรณะแล้วจึงไปเกิดเป็นนาคชื่อเอรถปัต จากเหตุเพียงอาบัติเล็กน้อยเพียงเป็นอาบัติเบายังมีกรรมขนาดนี้ ถ้าเป็นอาบัติหนักก็คงต้องบาปมากกว่านี้ ดังนั้นจึงจัดให้มีการอยู่บริวาสกรรมเพื่อให้พ้นจากอาบัติ
ชาวอีสานโบราณเชื่อกันว่าพระภิกษุหากได้อยู่กรรมแล้ว ย่อมจะออกจากอาบัติได้และทำให้บรรลุมรรคผลดังปรารถนาถึงเดือนอ้ายจึงกำหนดให้เป็นเดือนเข้ากรรม เพื่อให้พระสงฆ์ออกจากอาบัติดังกล่าว
ขั้นตอนดำเนินการ
สถานที่ สถานที่สำหรับเข้ากรรมนั้นจะต้องเป็นสถานที่เงียบไม่พลุกพล่านอาจเป็นบริเวณวัดตอนใดตอนหนึ่งก็ได้ มีกุฏิหรือกระต๊อบชั่วคราวเป็นหลัง ๆ สำหรับภิกษุอาศัยระหว่างเข้ากรรมตามลำพังผู้เดียว
จำนวนพระ พระสงฆ์เข้ากรรมคราวหนึ่ง ๆ มีจำนวนเท่าใดก็ได้ก่อนจะเข้ากรรมพระภิกษุรูปใดต้องอาบัติแล้ว ต้องบอกพระภิกษุสงฆ์สี่รูปให้รับทราบไว้ได้เวลาแล้วจึงเข้ากรรม
พิธีกรรม ในหนังสือวินัยมุขกล่าวว่า พระสงฆ์เข้ากรรมต้องประพฤติมานัตต์ แปลว่า
“นับราตรี” ครบหกราตรี แล้วสงฆ์จึงสวดระงับอาบัติเรียกว่า “อัพภาน” แปลว่า “เรียกเข้าหมู่”
แต่พระต้องอาบัติแล้วปกปิดไว้ล่วงเลยนานวันเท่าใดต้องอยู่บริวาส ซึ่งแปลว่า “อยู่ให้ครบวันเท่านั้น” ก่อนจึงควรประพฤติมานัตต์ได้ต่อไป ถ้าในระหว่างอยู่ปริวาสต้องครุกาบัติอีกจะต้องกลับอยู่ปริวาสหรือประพฤติมานันต์ใหม่ เรียกว่า “ปฏิกัสสนา” แปลว่า กิริยาชักเข้าหาอาบัติเดิมสำหรับประเพณีนิยมกันในภาคอีสานเกี่ยวกับการเข้ากรรมนี้ปกติอยู่เก้าราตรี คือ ตอนสามราตรีแรกเรียกว่า “อยู่ปริวาส”
เมื่อจะเข้าปริวาสให้กล่าวคำสมาทานต่อสงฆ์ โดยกราบพระภิกษุผู้แก่พรรษากว่า ซึ่งสามารถสวดให้ปริวาสได้รูปหนึ่งว่า “ปริวาสัง สมาทิยามิ หรือ วัตตัง สมาธิยามิ” 3 หนก็ได้และถ้าไม่อาจอยู่ปริวาสต่อไปได้จะเก็บปริวาสก็กล่าวว่า “ปริวาสัง นิกขิปามิ หรือ วัตตังนิกขิปามิ” 3 หน ต่อหน้าพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง และตอนหกราตรีต่อมาเรียกว่า “อยู่มานัตต์” ซึ่งมีคาถาสวดเพื่อเข้ามานัตต์ต่อหน้าสงฆ์ โดยกราบพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งผู้แก่พรรษา ซึ่งสามารถสวดให้มานัตต์ได้ โดยกล่าวของสมาทานมานัตต์ต่อแล้วจึงขอสมาทานวัตตังดังนี้ “มานัตตัง สมาทิยามิ วัตตังสมาทิยามิ” 3 หน แล้วจึงประพฤติให้ครบหกราตรี แต่ถ้ามีเหตุอันจำเป็นต้องพักเก็บมานัตต์ จะกว่าคำเก็บมานัตต์ต่อหน้าพระภิกษุผู้แก่พรรษาโดยว่าวัตต์ก่อน แล้วจึงเก็บมานัตต์ดังนี้ “วัตตัง นิกขิปามิ มานัตตัง นิกขิปามิ” 3 หน ถ้าต้องการเข้ามาอานัตต์ต่ออีก ก็ขอสมาทานมานัตต์ดังกล่าวแล้ว เมื่อเข้ากรรมครบกำหนดคือ อยู่มานัตต์ครบหกราตรีแล้ว จึงอัพภาณ คือออกจากกรรม ได้แก่ การออกจากอาบัติสังฆาทิเสสหรืออาบัติหนักขนาดกลาง (ครุกาบัติ)
ระหว่างเข้ากรรม การสารภาพความผิดต้องมีสงฆ์ 4 รูป เป็นผู้รับ ส่วนการออกจากกรรม ต้องมีพระสงฆ์ 20 รูป ให้อัพภาน ในจำนวนนี้จะนับพระภิกษุกำลังประพฤติวุฏฐานวิธีเข้าด้วยไม่ได้ การรับภิกษุผู้ต้องอาบัติหนักและได้ถูกทำโทษ คืออยู่ปริวาสหรือมานัตต์ แล้วให้กลับเป็นผู้บริสุทธิ์โดยพระสงฆ์สวดระงับอาบัตินี้เรียกว่า “สวดอัพภาน” ภิกษุที่ออกจากกรรมแล้วถือว่าเป็นผู้หมดมลทิน เป็นผู้บริสุทธิ์ผุดผ่อง
สำหรับชาวบ้านที่เกี่ยวข้องกับพิธีเข้ากรรม จะต้องเป็นผู้ให้ความอุปถัมภ์ด้วยจตุปัจจัยแด่พระภิกษุสงฆ์ตลอดเวลาที่เข้ากรรม และในวันที่พระภิกษุออกจากกรรมจะต้องมีการทำบุญให้ทาน เช่น มีการตักบาตร ถวายภัตตาหาร และฟังเทศน์ เป็นต้น คฤหัสถ์ผู้ใดได้ทำบุญแด่พระภิกษุสงฆ์ในบุญเข้ากรรม ถือว่าได้กุศลหรืออานิสงส์แรงมาก บุญเข้ากรรมในปัจจุบันมักจะมีจัดทำเฉพาะบางตำบลหมู่บ้านที่ชาวบ้านยึดมั่นในประเพณีดั้งเดิมจริง ๆ เท่านั้น
วิพากษ์พิธีกรรมความเชื่อ ประเพณีบุญเข้ากรรมนั้น ยังมีข้อที่น่าสังเกตอยู่มาก เพราะปัจจุบันนี้พิธีกรรมนี้ได้กลายเป็นการจัดงานเพื่อวัตถุประสงค์อื่นมากกว่า คือแทนที่จะเป็นพิธีการชำระพระผู้ต้องอาบัติให้เป็นผู้บริสุทธิ์ตามพระธรรมวินัย ซึ่งก่อนที่จะให้มีงานบุญนี้จะต้องมีพระผู้ทำผิดเกิดขึ้นซึ่งเป็นมูลเหตุถือว่าเป็นพระที่บกพร่องทางธรรมวินัย แต่ปัจจุบันนี้กลับมีการโฆษณาว่าหากทำบุญกับพระดังกล่าวจะได้ผลานิสงส์มาก ซึ่งเป็นการโฆษณาที่ไม่เป็นไปตามธรรมวินัย เพราะแท้จริงแล้วพระที่มาเข้ากรรมนั้นเป็นพระที่ทุศีลมาก่อน แม้จะปลงหรือล้างอาบัติ
อย่างดีก็แค่กลับเป็นผู้บริสุทธิ์ดังเดิมเท่านั้น มิได้มีเหตุใดที่จะอ้างได้ว่าผู้ทำบุญด้วยจะมีผลานิสงส์มากดังกล่าว เพราะความจริงในศาสนามีว่า มีแต่ทำบุญกับพระสุปฏิปันโน (ผู้สมบูรณ์ด้วยศีลปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ) เท่านั้นก็จะมีผลานิสงส์มาก การโฆษณาเพื่อชักชวนให้ญาติโยมไปทำบุญมาก ๆ จึงมักจะมีเหตุผลอื่นมากกว่า หากต้องการให้ญาติโยมได้บุญจริง ๆ
และต้องการบอกความจริงในทางศาสนาให้ผู้คนทราบ ก็น่าจะบอกความจริงว่าทำบุญกับใครอย่างไร จะได้บุญมากน้อยแค่ไหน ซึ่งในทางศาสนามีคำสอนในเรื่องนี้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ก็เน้นย้ำสำหรับให้ลูกหลานได้จดจำนำไปปฏิบัติมิรู้ลืมว่า
“ ฮีตหนึ่งนั้น เถิงเมื่อเดือนเจียงเข้ากลายมาแถมถ่าย
ฝูงหมู่สังฆเจ้ากะเตรียมเข้าอยู่กรรม
มันหากธรรมเนียมนี้ถือมาตั้งแต่ก่อน
อย่าได้ละห่างเว้นเข็ญสิข้องแล่นนำ แท้เหล่ว”
ความหมาย คือ พอถึงเดือนเจียง (เดือนอ้าย) ภิกษุสงฆ์จะต้องเตรียมพิธีเข้าปริวาสกรรม เพราะถือเป็นธรรมเนียมประเพณีมาแต่โบราณขออย่าได้ละทิ้งประเพณีนี้ หากไม่แล้วจะทำให้เกิดภัยพิบัติได้ ด้วยคำสอนนี้อีสานจึงนำมาปฏิบัติอย่างเคร่งครัดจนปัจจุบัน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)